เมื่อพูดถึงคำว่า ตกขาว ถือเป็นหัวข้อที่ผู้หญิงหลายคนอาจรู้สึกอาย ไม่กล้าที่จะพูดคุย แต่เป็นเรื่องสำคัญต่อสุขภาพของผู้หญิง การทำความเข้าใจอาการตกขาว การรู้ว่าตกขาวเกิดจากอะไร อาการแบบใดเป็นปกติหรือผิดปกติ รวมถึงวิธีการรักษาตกขาวให้หายขาด สิ่งที่กล่าวมาล้วนสำคัญต่อการรักษาสุขภาพสืบพันธุ์ บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ พร้อมคำแนะนำที่ช่วยให้เข้าใจการตกขาวมากขึ้น
ตกขาว คืออะไร
ตกขาว คือของเหลวที่หลั่งออกมาจากต่อมภายในช่องคลอดและปากมดลูก มีบทบาทในการรักษาความสะอาดภายในช่องคลอด ไม่ให้เกิดการติดเชื้อ ลักษณะตกขาวเป็นวุ้นใสๆ และปริมาณของแตกต่างกันไปตลอดรอบเดือนของผู้หญิง ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน กิจกรรมทางเพศ และสุขภาพโดยรวม
หน้าที่สำคัญของตกขาวได้แก่
- ทำความสะอาดช่องคลอด: ตกขาวช่วยชะล้างเซลล์ที่ตายแล้ว เชื้อแบคทีเรีย รวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกจากช่องคลอด ช่วยให้ช่องคลอดสะอาดอยู่เสมอ
- หล่อลื่นช่องคลอด: ตกขาวช่วยให้ช่องคลอดมีความชุ่มชื้น ทำให้การมีเพศสัมพันธ์เป็นไปได้อย่างราบรื่น ลดการระคายเคือง
- ปรับสมดุลของกรด-ด่างในช่องคลอด: ตกขาวช่วยในการรักษาสมดุลของกรด-ด่างในช่องคลอด ส่งผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
- สร้างภูมิคุ้มกัน: ตกขาวมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านจุลชีพ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับช่องคลอด ป้องกันการติดเชื้อ
ลักษณะทั่วไปของตกขาว เริ่มจากสีตกขาวจะมีสีขาวใส บางครั้งอาจหนาและเหนียวได้ การตกขาวปกติจะไม่มีกลิ่น หรือมีกลิ่นอ่อน ๆ ก็ได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเกี่ยวกับระยะต่าง ๆ ของรอบเดือน โดยตกขาวเยอะและใสขึ้นในช่วงใกล้ตกไข่
ทำไมผู้หญิงถึงไม่ควรละเลยอาการตกขาวผิดปกติ
แม้ว่าการตกขาวจะเป็นการทำงานตามปกติของร่างกายผู้หญิง แต่การเปลี่ยนแปลงในลักษณะ เช่น ตกขาวเป็นก้อนแป้ง เป็นต้น นอกจากนี้กลิ่นของตกขาวก็เป็นสิ่งที่ช่วยบ่งบอกปัญหาสุขภาพที่ซ้อนอยู่ การละเลยปัญหาเหล่านี้ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน จนพัฒนาไปเป็นโรคร้ายแรงได้
สำหรับความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
- การติดเชื้อ: การตกขาวผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น แบคทีเรียในช่องคลอด การติดเชื้อรา หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) หากไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้อเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ เช่น โรคอักเสบในอุ้งเชิงกราน (PID) และภาวะมีบุตรยาก
- มะเร็งปากมดลูก: ในบางกรณี การตกขาวผิดปกติอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงมะเร็งปากมดลูก การตรวจพบในระยะเริ่มต้นจะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์: ในระหว่างการตั้งครรภ์ การตกขาวผิดปกติอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อหรือปัญหาอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของแม่และทารก
ลักษณะอาการตกขาวผิดปกติ สังเกตได้อย่างไร
เมื่อรู้ว่าอาการตกขาวผิดปกติ จะต้องรีบเข้ารับการรักษาในทันท่วงที เพื่อไม่ให้อาการแทรกซ้อนพัฒนาเป็นโรคร้ายแรงในอนาคต โดยสัญญาณของการตกขาวผิดปกติ
- สีของตกขาว: การตกขาวปกติมักจะใสหรือขาวขุ่น แต่ถ้าตกขาวผิดปกติอาจเป็นสีเหลือง เขียว เทา น้ำตาล หรือแม้กระทั่งมีเลือดปน
- ความสม่ำเสมอที่ผิดปกติ: ตกขาวปกติจะมีลักษณะเหลว แต่ถ้าข้นเป็นก้อน มีฟอง หรือมีลักษณะคล้ายนมบูด อาจเกิดจากการติดเชื้อรา
- กลิ่นแรง: ตกขาวปกติไม่มีกลิ่น หรือมีกลิ่นอ่อน ๆ แต่ถ้ามีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว มีกลิ่นคาว หรือฉุน เป็นสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด หรือการติดเชื้ออื่น ๆ
- อาการคัน หรือระคายเคือง: อาการคัน แสบร้อน หรือระคายเคืองบริเวณรอบช่องคลอด หรือบริเวณอวัยวะเพศอย่างต่อเนื่อง มาพร้อมกับอาการตกขาวผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อได้
- เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือปัสสาวะ: รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือปัสสาวะ ร่วมกับการตกขาวผิดปกติ เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของการติดเชื้อ
สีของตกขาวบ่งบอกอะไรบ้าง
สีของตกขาวสามารถบ่งบอกเกี่ยวกับสุขภาพได้ ต่อไปนี้จะเป็นรายละเอียดอาการตกขาวของสีต่าง ๆ ได้แก่
- ตกขาวสีขาวขุ่น หรือตกขาวสีเหลืองอ่อน
- สาเหตุ: อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Gardnerella vaginalis ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด มักมีกลิ่นคาวปลา
- อาการอื่น ๆ: คัน แสบ ร้อน บริเวณช่องคลอด
- ตกขาวสีขาวข้น เป็นก้อน
- สาเหตุ: อาจเกิดจากการติดเชื้อรา Candida albicans มักมีลักษณะคล้ายนมบูด
- อาการอื่น ๆ: คัน แสบ ร้อน บริเวณช่องคลอด
- ตกขาวสีเหลืองเขียว
- สาเหตุ: อาจเกิดจากการติดเชื้อหนองใน หรือเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น ๆ
- อาการอื่น ๆ: ปวดท้องน้อย ปวดขณะปัสสาวะ มีไข้
- ตกขาวสีน้ำตาล หรือมีเลือดปน
- สาเหตุ: อาจเกิดจากการติดเชื้อ การอักเสบ เนื้องอกในช่องคลอด หรืออาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง
- อาการอื่น ๆ: ปวดท้องน้อย มีไข้
- ตกขาวสีเทามีกลิ่นเหม็น:
- สาเหตุ: มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น โรคหนองใน
ตกขาวผิดปกติ รักษาได้หรือไม่ มีขั้นตอนอะไรบ้าง
อาการตกขาวผิดปกติเป็นอาการที่พบได้บ่อยและสามารถรักษาให้หายได้ โดยการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดตกขาวผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ไปจนถึงเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การระคายเคือง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือโรคบางชนิด
ขั้นตอนการรักษาตกขาวผิดปกติแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่
- พบแพทย์: เมื่อมีอาการตกขาวผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์สูตินรีแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ตรวจภายใน รวมถึงเก็บตัวอย่างตกขาวไปตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
- รับการรักษา: เมื่อทราบสาเหตุของการเกิดตกขาวผิดปกติ แพทย์จะให้การรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจเป็น
- การใช้ยา: หากเกิดจากการติดเชื้อ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อรา หรือยาต้านไวรัส ตามชนิดของเชื้อที่พบ
- การรักษาอื่น ๆ: ในบางกรณี อาจต้องรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การทำความสะอาดช่องคลอด หรือการรักษาโรคที่เป็นสาเหตุร่วมด้วย
- การดูแลตัวเองหลังการรักษา: เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากที่สุด ต้องทำดังนี้
- ทานยาครบตามที่แพทย์สั่ง เพื่อให้การรักษาได้ผลดี
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศภายนอกด้วยน้ำสะอาดด้วยสบู่อ่อน ๆ
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง เช่น สเปรย์ดับกลิ่น สบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
- สวมใส่กางเกงในที่ทำจากผ้าฝ้าย ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
- งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการจะหายดี
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ คอยติดตามอาการเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
สรุป การตกขาวส่งผลอย่างไร
การตกขาวถือเป็นหัวข้อที่มีความละเอียดอ่อน และสำคัญต่อผู้หญิงมาก แม้ว่าตกขาวปกติจะมีหน้าที่ในการทำความสะอาดและปกป้องช่องคลอดจากเชื้อโรคต่าง ๆ แต่เมื่อมีอาการตกขาวผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้เช่นกัน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของตกขาว จะช่วยให้ผู้ป่วยทราบอาการเบื้องต้น เพื่อเข้ารับการรักษาได้อย่างทันที