ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี
ใต้ตาดำ ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ส่งผลให้เจ้าของใบหน้าดูอ่อนโรย โทรม ไม่สดใส ถึงขั้นขาดความมั่นใจได้ บทความนี้จะมาเรียกคืนความสดใส คืนความมั่นใจ คืนรอยยิ้ม ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
เนื่องจากบริเวณใต้ตาเป็นบริเวณที่บอบบาง จึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ในการเลือกยี่ห้อ ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ตอบโจทย์ตามความต้องการ ให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ เพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความนี้
ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid เข้าไปในบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา ซึ่งสารเติมเต็มประเภทนี้ ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่อมีอายุมากขึ้น หลังฉีดในตำแหน่งที่เหมาะสม ริ้วรอยใต้ตาจะตื้นขึ้น รอยคล้ำใต้ตาดูจางลง ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย เห็นผลทันที โดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม
เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์ ฉีดในระดับความลึกที่เหมาะสม ตามแต่ปัญหาใต้ตาส่วนบุคคล เนื้อฟิลเลอร์ที่ถูกเติมเต็มใต้ตา โดยปกติแล้วแพทย์จะเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับปัญหาใต้ตาของคนไข้ เพื่อเวลาแสดงสีหน้า ยิ้ม หัวเราะ จะดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งเป็นก้อน หรือดูแปลกตาแบบที่สังเกตได้ จึงเป็นเหตุผลที่ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์นั่นเอง
ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?
ปัญหาใต้ตา สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หัตถการที่มีความปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า โดยไม่ต้องผ่าตัด และเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นรูปแบบต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยก่อนทำหัตถการควรเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยเฉพาะ เพื่อประเมินปัญหาใต้ตาว่าสามารถแก้ไขด้วยการทำหัตถการได้หรือไม่ เพราะไม่ใช้ทุกคนที่สามารถทำหัตถการได้ เช่นผู้ที่มีก้อนไขมันใต้ตา ต้องอาศัยการผ่าตัดนำก้อนไขมันออก จึงจะให้ผลลัพธ์การรักษาที่ชัดเจน แต่โดยปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ไขปัญหาใต้ตาได้เกือบทั้งหมด ดังนี้
1. ร่องน้ำตา เบ้าตาลึก
สาเหตุของปัญหาเบ้าตาลึก เกิดจากการยุบตัวของกระดูก ชั้นไขมัน และคอลลาเจนที่เสื่อมลง จากอายุที่เพิ่มมากขึ้น เส้นเอ็นรอบดวงตา ( Retaining ligament ) ที่ช่วยยึดให้ผิวใต้ตาให้กระชับ เต่งตึง เกิดการหย่อนคล้อยลง การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณที่มีร่องลึกใต้ตา ด้วยเทคนิคพยุงชั้นกระดูกใต้ตา เพื่อเติมเต็มผิวใต้ตาให้กลับมาเรียบเนียนเสมอผิวเดิม ส่งผลให้ภาพรวมของใบหน้าสดใสขึ้น อ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ
2. ถุงใต้ตา ไขมันใต้ตา
ถุงใต้ตา ไขมันใต้ตา คือ Inferior orbital fat หรือที่เรียกว่าไขมันในโพรงตา ที่เกิดจาก Orbital septum เกิดการหย่อนตัวจากอายุที่มากขึ้น ทำให้ไขมันชั้นตื้น (Superficial fat) หย่อนคล้อยลงตามแรงโน้มถ่วง จนทำให้ใต้ตาดูลึก เกิดถุงใต้ตา ส่งผลให้เห็นโหนกแก้มชัดขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะช่วยเติมเต็มและดันให้ Orbital septum เข้าไปด้านในมากขึ้น จึงทำให้ถุงใต้ตาเล็กลง เบ้าตาดูตื้นขึ้น
3. ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ
สาเหตุปัญหาขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ เม็ดสีผิวที่ผิดปกติ โรคภูมิแพ้ ซึ่งแนวทางการรักษาจะต่างกันตามปัญหาใต้ตาดำคล้ำที่เกิดขึ้น โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน เลือกหัตถการที่เหมาะสม เช่น หากใต้ตาคล้ำเกิดจากเม็ดสีผิว แพทย์จะทำการรักษาด้วยเลเซอร์เพื่อปรับเม็ดสีผิวให้ขาวขึ้น การฉีด Filorga (ฟิลอก้า) หรือฉีดไซโตแคร์ (Cytocare) ช่วยฟื้นฟูผิวใต้ตาให้ขาวกระจ่างใส หากใต้ตาคล้ำด้วยปัญหาใต้ตาลึก สามารถเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์ใต้ตาได้
4. ริ้วรอยใต้ตา ร่องใต้ตา
สาเหตุปัญหาริ้วรอยใต้ตา ร่องลึกใต้ตา ส่วนใหญ่เกิดจากผิวใต้ตาขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื่น เนื่องจากคอลลาเจนในชั้นผิวลดลง ทำให้ผิวสูญเสียความแข็งแรง คนไข้ไม่จำเป็นต้องแสดงสีหน้าก็สามารถเห็นริ้วรอยเหล่านี้ได้ชัดเจน การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟู เพิ่มความยืดหยุ่น รักษาความชุ่มชื่นใต้ตา ให้ใต้ตาดูเต็ม ริ้วรอยจางลง ใบหน้ากลับมาสดชื่น สดใสอีกครั้ง
ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ?
การฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา ซึ่งเป็นจุดที่ผิวบอบบาง จึงควรให้ความสำคัญในการเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ควรศึกษาฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ รุ่น หากไม่มั่นใจในข้อมูล สามารถเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ประจำคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญ จะสามารถประเมินปัญหาใต้ตาส่วนบุคคล เพื่อแนะนำฟิลเลอร์ยี่ห้อที่เหมาะสม ในการแก้ปัญหาใต้ตาที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด
สำหรับฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาใต้ตา จะมีเนื้อละเอียด ไม่อิ่มฟูมากเกินไป เพื่อลดการเกิดก้อนใต้ตา เวลายิ้ม หรือแสดงสีหน้า จะดูไม่เป็นธรรมชาติ ยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ได้รับความนิยมมาก มีด้วยกัน 3 ยี่ห้อ คือ Restylane , Juvederm และ Belotero แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและจุดเด่นที่ต่างกันออกไป ดังนี้
1. ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane (สัญชาติสวีเดน)
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane เป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อแบรนด์แรกของโลก ที่ผลิตและพัฒนามาอย่างยาวนาน โดยบริษัท Galderma และได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีที่มีลิขสิทธิ์เฉพาะของ Restylane คือ NASHA technology และ OBT technology ทำให้ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติที่หลากหลาย สามารถปรับใช้ได้หลากหลายบริเวณ เพื่อปรับแก้ให้เหมาะกับปัญหาผิวหน้าส่วนบุคคล โดยรุ่นของฟิลเลอร์ Restylane ที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา ที่นิยมใช้มีด้วยกัน 5 รุ่น ดังนี้
- Restylane Perlane Lyft มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Defyne เนื้อเจลแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Vital Light มีส่วนผสมของยาชา เนื้อละเอียดมากที่สุด ใช้สำหรับเคสที่ผิวบาง หรือสำหรับเก็บรายละเอียด อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Restylane Classic เป็นเนื้อเจลอนุภาคใหญ่ เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Vital เป็นเนื้อเจลละเอียด เกลี่ยง่าย เหมาะสำหรับเก็บรายละเอียด ให้ผลเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 12 เดือน
2. ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Juvederm (สัญชาติอเมริกา)
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่นำเข้าโดยบริษัท Allergan Thailand (DSKH) โดยคุณสมบัติเด่นของเนื้อฟิลเลอร์ จะมีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี ฉีดแล้วไม่ฟูมาก ที่นิยมใช้มีด้วยกัน 3 รุ่น ดังนี้
- Juvederm Volite เนื้อละเอียด ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Juvederm Voluma เนื้อแข็ง ฟูปานกลาง ยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำและให้ความเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volux เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัว สำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
3. ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Belotero (สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์)
ฟิลเลอร์ Belotero เป็นฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นและคงตัว มีจุดเด่นคือ สามารถใช้ฉีดแก้ปัญหาใต้ตา แก้ปัญหาใบหน้าตอบ จากสาเหตุการทรุดตัวของกระดูก และสามารถฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก เพื่อให้โครงสร้างใบหน้าได้สัดส่วน ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น นิยมใช้เพื่อปรับรูปหน้า คาง โหนกแก้ม สำหรับฉีดใต้ตา รุ่นที่หมอแนะนำคือ
- Belotero Volume เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นและคงตัว เหมาะกับเติมใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Belotero Soft เนื้อละเอียด เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา เรียบเนียนไปกับผิว อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
ฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่CC ?
ปริมาณของฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตาส่วนบุคคล ในเคสที่มีปัญหาใต้ตาเล็กน้อย สามารถแบ่งฟิลเลอร์ 1 CC ต่อการฉีดใต้ตาทั้งสองข้างได้ และในผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ริ้วรอย ร่องลึก ปริมาณการฉีดจะอยู่ที่ 2-4 CC ซึ่งโดยปกติแล้วแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปริมาณของฟิลเลอร์ให้ตามความเหมาะสมของปัญหาใต้ตาส่วนบุคคล เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ดูแลตัวเองอย่างไร ?
โดยปกติแล้วการฉีดสารเติมเต็มประเภทฟิลเลอร์ไม่อันตราย สามารถสลายหมดได้เองตามธรรมชาติ หลังฉีดอาจมีรอยเขียวช้ำ บวมแดงจากเข็มเล็กน้อย ใช้เวลาประมาณ 2-3 ก็จะหายได้เอง แต่หากเลย 3 วันไปแล้ว อาการบวมแดงยังไม่ดีขึ้น ให้กลับมาที่คลินิกเพื่อตรวจเช็กอีกครั้ง หลังฉีดเห็นผลทันที และสามารถคงผลลัพธ์ได้นาน 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ รวมถึงการดูแลตัวเองส่วนบุคคล เพื่อความคุ้มค่าหลังฉีดฟิลเลอร์ให้คงผลลัพธ์ได้นาน มีวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาดังนี้
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรหลีกเลี่ยงการแกะเกา กด นวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบได้
- หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ โดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตางดทาครีมบริเวณที่ฉีด หลีกเลี่ยงแสงแดด ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ในผู้ที่มีผิวบอบบางมาก อาจมีอาการบวม ปวดในคืนแรก สามารถทานยาตามอาการได้
- ควรหลีกเลี่ยงความร้อน อากาศร้อน ที่ส่งผลให้หน้าแดง เช่น การออกกำลังกายหนัก การทานอาหารหน้าเตาร้อน ๆ
สรุป
ปัญหาใต้ตาเกือบทั้งหมด สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หัตถการทางการแพทย์ที่ให้ผลลัพธ์หลังทำทันที ก่อนตัดสินใจฉีดควรหาข้อมูลคลินิก ข้อมูลแพทย์ ประกอบการตัดสินใจ เพื่อความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งใกล้ดวงตา จึงเป็นเหตุผลที่ต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีเทคนิคการฉีดเฉพาะ เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ