สิวหิน (SYRINGOMA) ปัญหากวนใจของคนทุกเพศทุกวัย

ปัญหาสิว เป็นปัญหากวนใจของทุกเพศทุกวัย และยังทำลายบุคลิกภาพและความมั่นใจในตนเองในการดำเนินชีวิตประจำวัน ทุกปัญหาที่เกี่ยวกับสิวสามารถป้องกัน และรักษาได้อย่างถูกวิธี หากได้ทำความเข้าใจว่าสิวหินคืออะไร มีลักษณะเช่นไร สาเหตุเกิดจากอะไร และในบทความนี้เราจะมากล่าวอย่างละเอียดเกี่ยวกับสิวหิน สิวหินใต้ตา สิวข้าวสาร เป็นต้น

สิวหิน ปัญหากวนใจทุกเพศทุกวัย

สิวหิน (SYRINGOMA) คืออะไร

สิวหิน หรือ สิวข้าวสารใต้ตา นั้น รักษายากสุด ๆ  ถ้าพูดตามภาษาแพทย์ ก็คือ เนื้องอกของท่อเหงื่อหรือต่อมเหงื่อ  มีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็กสีขาวขุ่นหรือสีเหลือง

สิวหินเป็นเนื้องอกที่ไม่มีอันตรายใด ๆ ไม่กลายเป็นเนื้อร้าย แต่มักก่อให้เกิดความกังวลใจ ความไม่มั่นใจในแง่ของความสวยงาม เนื้องอกนี้มีลักษณะคล้ายตัวลูกอ๊อด หรือตัวคอมมาในภาษาอังกฤษฝังอยู่ในชั้นใต้ผิวหนัง

บริเวณที่มักเกิดสิวหิน

สิวหินมักเกิดบริเวณรอบดวงตา เป็นสิวหินใต้ตา ที่อาจเกิดได้ทั้งหนังตาบน หนังตาล่าง เป็นสิวหินเปลือกตาปกติแล้ว สิวหินมักเกิดขึ้นเป็นกลุ่ม บางครั้งอยู่ติด ๆ กัน จนดูคล้ายเป็นแผ่นหนาใต้ตา เนื้องอกชนิดนี้ยังพบได้ในจุดอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น รักแร้ สะดือ หน้าอกส่วนบน และหัวหน่าว  

เมื่อเกิดเป็นสิวหินนั้นจะไม่มีอาการเจ็บหรือคัน และสำหรับจำนวนนั้น จะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นกับบุคคลและกรรมพันธุ์ แต่โดยมากจำนวนจะมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น และมักจะเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

สิวหินเกิดจากสาเหตุใด

สิวหิน หรือที่บางคนอาจจะเรียกว่า สิวข้าวสารนั้น เป็นเนื้องอกของต่อมเหงื่อที่ไม่อันตราย และไม่กลายเป็นเนื้อร้าย แต่มีผลต่อความมั่นใจในแง่ของความสวยงาม เพราะผิวจะไม่เรียบเนียน และจำนวนของสิวจะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นกับแต่ละบุคคลและกรรมพันธุ์

สำหรับสิวหินนั้น โดยมากมักพบได้บ่อยในสาวเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น ไทย ฟิลิปปินส์  สามารถพบเจอได้ตั้งแต่ช่วยวัยรุ่นเป็นต้นไป

สาเหตุของการเกิดสิวหินนั้นจะแตกต่างกันไปตามชนิดของสิวหินที่เกิดขึ้น ดังนี้

สิวหินปฐมภูมิ

สิวหินชนิดนี้ เกิดจากเส้นใยเคราตินที่ติดอยู่ใต้ผิวหนังสะสมรวมตัวกับไขมันในต่อมใต้ผิวหนัง จะเกิดการทับถมตามเวลาที่ผ่านไปจนกลายเป็นสิวหัวปิด โดยมากมักจะปรากฏที่บริเวณเปลือกตา หน้าผาก หรืออวัยวะเพศ และบริเวณรอยพับจมูกในเด็กเล็ก เป็นไปได้ที่จะหายเองในไม่กี่สัปดาห์ หรือคงอยู่เป็นเวลานานหลายเดือน

สิวหินในวัยหนุ่มสาว

สิวหินชนิดนี้ อาจเกิดขึ้นจากอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น มะเร็งผิวหนังบางชนิด หรือ ความผิดปกติทางพันธุกรรมอื่น ๆ

สิวหินชนิดแบนราบ

เป็นสิวที่โตมาจากการติดเชื้อจนกลายเป็นปื้นผิวหนังกว้างหลายเซนติเมตร และอาจจะเกี่ยวข้องกับโรคผิวหนังบางชนิด แต่ก็ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการเกิดได้ชัดเจน บริเวณที่ปรากฏสิวหินชนิดนี้ คือ บริเวณหลังหู เปลือกตา แก้ม และกราม เกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เน้นผู้หญิงวัยกลางคน

สิวหินชนิดบาดแผล

จะเกิดเป็นสิวหินเมื่อได้รับบาดเจ็บทางผิวหนัง เช่น ผิวหนังอักเสบ เป็นผื่น ผื่นพุพอง เป็นแผลไฟไหม้รุนแรง หรือแผลจากการขัดถูเสียดสีซ้ำ ๆ ของผิวหนังบริเวณนั้น ๆ  เพราะเป็นการรบกวนรูขุมขนและต่อมไขมันจนทำให้เกิดสิวหินได้บ่อยขึ้น บริเวณที่ปรากฏ คือ บริเวณหลังมือ หรือนิ้วมือ

สิวหิน สิวข้าวสาร แตกต่างกันอย่างไร

ค่อนข้างยากที่จะจำแนกความแตกต่างระหว่าง สิวหิน และ สิวข้าวสาร เพราะสิวทั้งสองชนิดนี้มีลักษณะใกล้เคียงกันมาก และบริเวณที่เกิดสิวก็ใกล้เคียงกันมากด้วย แต่ความแตกต่างของสิวทั้งสองชนิดนี้ก็คือ “สาเหตุของการเกิดสิว”

สิวหิน (SYRINGOMA)

เกิดจากเนื้องอกของท่อเหงื่อ ชนิดไม่ร้ายแรงชนิดหนึ่ง เป็นเนื้องอกของต่อมเหงื่อที่บริเวณใต้ตา ลักษณะเป็นก้อนสีเนื้อหรือสีออกเหลืองเล็กน้อย ขนาดเล็กประมาณ 1-3 มิลลิเมตร ก้อนเนื้อจะมีความแข็งเล็กน้อยเวลาคลำดู แล้วก็จะมีขนาดโตเต็มที่ไม่เกิน 3-4 มิลลิเมตร 

สิวหินจะอยู่ค่อนข้างลึกใต้ผิว โดยที่บางครั้งถึงแม้จะเอาเข็มไปบ่งหรือเจาะออก ก็จะไม่พบว่ามีหนอง หรือหัวสิวแต่อย่างใด  สิวหินเป็นผลมาจากพันธุกรรมและอายุ สำหรับสิวหินนั้น อาการจะเริ่มปรากฏในช่วงวัยรุ่น และขยายตัวเพิ่มขึ้นช่วงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ประมาณ 25-30 ปี

สิวหินใต้ตา

สิวหัวข้าวสาร  (MILIA)

เกิดจากการอุดตันของท่อเหงื่อ โดยมากมักเกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งรบกวนผิว เช่น เกิดเป็นสิวข้าวสารหลังแผลหาย หรือมีการขัดถูผิว  ลักษณะเป็นตุ่มขนาดเล็กประมาณ 1-3 มิลลิเมตร มีสีขาว แข็งเล็กน้อย จะพบบ่อยบริเวณรอบดวงตา โหนกแก้มและจมูก สิวข้าวสารเป็นผลมาจากการที่ผิวหนังถูกรบกวน สิวข้าวสารสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในทารกแรกเกิดวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่

สิวข้าวสาร

สิวหินรักษาอย่างไร

การรักษาสิวหินนั้น จะมุ่งเน้นที่การหาวิธีลดขนาดของสิวหินให้ยุบลง เพราะมีผลต่อความสวยงามหมดจดบนใบหน้า เป็นการรักษาสิวหินเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดแผลเป็น และกลับมาเป็นซ้ำใหม่ให้น้อยที่สุด วิธีกำจัดสิวหิน มีอยู๋หลายวิธี แต่เราจะเลือกแนะนำวิธีรักษาสิวหินที่เป็นที่นิยมดังต่อไปนี้

การรักษาสิวหิน

การกดสิว

วิธีกำจัดสิวหินนี้สามารถทำได้ด้วยตัวเอง หรือถ้าไม่มั่นใจก็สามารถไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อให้ทำการรักษาแทน  วิธีกดสิวหิน คือ นำที่กดสิวมาใช้ โดยให้ด้านเข็มกดลงไปที่สิวหิน หลังจากนี้นก็ให้ใช้อีกฝั่งกดเน้น ๆ เพื่อให้หัวสิวหินด้านในตันตัวออกมา

รักษาด้วยเลเซอร์

วิธีรักษาสิวหินด้วยเลเซอร์นั้นต้องทำโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น เป็นวิธีรักษาสิวหินที่มีประสิทธิภาพสูง แถมโอกาสเกิดแผลเป็นก็น้อยกว่าวิธีอื่น ๆ เพราะใช้ตัวคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (CO2 Laser) เพื่อทำลายและตัดสิวหินออก แต่โอกาสกลับมาเป็นใหม่ก็ยังมีอยู่ ดังนั้นควรที่จะปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนทำจะดีกว่า

รักษาด้วยความเย็น (Liquid Nitrogen)

วิธีกำจัดสิวหินแบบสบาย ๆ  แต่ก็ควรที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการลองใช้ความเย็นจากไนโตรเจนเหลว จี้เพื่อทำลายตัวเนื้องอกสิวหินให้หลุดออกจากผิวหนัง และสามารถหลุดออกอย่างง่ายดาย แค่ทำไม่กี่ครั้งก็ไม่มีสิวหินมากวนใจอีกเลย

รักษาด้วยการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า (Electrocautery)

หลักในการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า ก็คือ การเน้นทำลายและตัดสิวหินออก และมีเพียงผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่สามารถทำได้ วิธีเอาสิวหินออกนี้ให้ผลการรักษาที่ดี และค่อนข้างใกล้เคียงกับเลเซอร์

สิวหิน ป้องกันอย่างไร

สำหรับสิวหินที่เกิดจากการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว วิธีป้องกันเบื้องต้นนั้นสามารถจัดการได้ด้วยตนเอง เช่น การล้างทำความสะอาดใบหน้าเพื่อนำสิ่งสกปรก หรือ เครื่องสำอางออกให้หมด หลีกเลี่ยงการตากแดดเป็นเวลานาน ซึ่งก่อให้เกิดผิวหนา และผลัดเซลล์ผิวได้ยากขึ้น

ลดการใช้เครื่องสำอาง

แนะนำให้ลดการแต่งหน้าและใช้เครื่องสำอางให้น้อยลง ไม่แต่งหน้าหนามากจนเกินไป เพราะอาจเกิดการอุดตันในรูขุมขนได้ และรบกวนผิวหนังให้เกิดสิวหินขึ้น อีกทั้งควรมีการตรวจสอบว่าเครื่องสำอางที่ใช้นั้นไม่มีสารเคมีที่จะกระตุ้นให้เกิดสิวหินขึ้น

ใช้เซรั่มหรือครีมบำรุงผิวหน้าที่ช่วยปรับสมดุลผิวหน้า

เมื่อทำความสะอาดผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว ก็ควรที่จะบำรุงด้วยเซรั่มหรือครีมบำรุงผิว เพื่อปรับสมดุลและความแข็งแรงให้กับผิวหน้า และเป็นเกราะป้องกันการเกิดสิวหิน 

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำให้ใช้คือ Bioderma Sebium Lotion เป็นน้ำตบที่มีส่วนประกอบของ Zinc , Vitamain B6 , BHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายให้หลุดออก เพื่อลดสาเหตุการเกิดสิวหิน 

ในขณะเดียวกันก็ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง กระชับรูขุมขน และเก็บความชุ่มชื้นได้นาน 8 ชั่วโมง ด้วย Bioderma Sebium Pore Refiner ที่เหมาะจะบำรุงผิวสำหรับคนผิวมัน รูขุมขนกว้าง

ป้องกันสิวหินด้วย Bioderma Sebium Lotionลดสิวหินด้วย Bioderma Sebium Pore Refiner

ทำความสะอาดเครื่องสำอางด้วยคลีนซิ่งเสมอ

ควรทำความสะอาดใบหน้าด้วยคลีนซิ่งเสมอ เช็ดล้างเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกให้หมดจดอยู่เสมอ เพื่อให้รูขุมขนสะอาดมากขึ้นและไม่เกิดการอุดตัน ขั้นตอนนี้เป็นการทำความสะอาดผิวหน้าอีกขั้นตอนหนึ่งก่อนที่จะล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าอีกทีหนึ่ง เพื่อกำจัดต้นตอในการเกิดสิวหิน

ตัวคลีนซิ่งที่แนะนำ คือ Bioderma Sebium H2O คลีนซิ่ง ไมเซล่า วอเตอร์ ที่สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรกทั้งฝุ่น PM2.5 ได้ล้ำลึก ช่วยจัดการปัญหาสิวให้หมดจด พร้อมมี Copper Zinc Complex ที่สามารถควบคุมความมัน กำจัดแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว แล้วเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย ผิวมัน และผิวผสม

ทำความสะอาดใบหน้า ลดสิวหินด้วย Bioderma Sebium H2O

ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย

เมื่อเสร็จจากการทำความผิวหน้าด้วยคลีนซิ่งแล้ว ก็ให้ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดอีกครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้า เพื่อไม่ให้มีสิ่งสกปรกตกค้าง ที่อาจก่อให้เกิดการอุดตันและก่อให้เกิดสิวหิน

เจลล้างหน้าที่เหมาะสมในการทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย คือ Bioderma Sebium Gel Moussant ซึ่งมีส่วนประกอบของ Copper Zinc Complex ที่ช่วยควบคุมความมันและกำจัดแบคทีเรียได้นานถึง 4 ชั่วโมง ทำให้ผิวแข็งแรง ต้านมลภาวะ และลดการระคายเคืองของผิวด้วยสารสกัด Ginkgo Biloba Leaf Extract

ล้างหน้าสำหรับผู้มีผิวเเพ้ง่าย ลดสิวหินด้วย Bioderma Sebium Gel Moussant

ข้อสรุป

เกี่ยวกับสิวหินที่เป็นปัญหานั้น จะพบว่าวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันและรักษา ก็คือการเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เพราะสิวหินเป็นสิวที่รักษายากที่สุด และไม่สามารถรักษาให้หายเองได้

Thank you for your Vote Rating
[Total: 0 Average: 0]