ครีมกันแดดในยุค 2024 ที่ไม่ได้เป็นเพียงป้องกันผิวหน้าและตัวจากรังสียูวี

ครีมกันแดด

ในยุคที่มีแสงแดดจัดจ้า อากาศร้อนอบอ้าว รวมถึงฝุ่นควันมลพิษ ️ล้วนแต่เป็นภัยคุกคามต่อผิวของเรา ครีมกันแดด จึงเปรียบเสมือนโล่พิทักษ์ผิวชั้นยอด ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีอันตราย ป้องกันปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย และโรคมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ โลชั่นกันแดดยังมีรายละเอียดมากมายที่เราควรรู้ เพื่อเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับตัวเอง ‍ทำไมควรใช้ครีมกันแดดทาหน้าและครีมกันแดดทาตัว พร้อมทั้งแนะนำแนวทางในการเลือกครีมกันแดด เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด


เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน แสดงหัวข้อ

ทำไมต้องใช้ครีมกันแดดในชีวิตประจำวัน

ครีมกันแดด คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี (Ultraviolet) ซึ่งเป็นแสงแดดที่มองไม่เห็นและเป็นอันตรายต่อผิว โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB โดยโลชั่นกันแดดมีประโยชน์หลากหลาย เช่น ป้องกันผิวจากการถูกเผาไหม้, ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย, ป้องกันการเกิดฝ้า กระ และป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนัง

ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่า ครีมกันแดดจำเป็นต้องใช้เฉพาะตอนไปทะเลหรือออกแดดจัดเท่านั้น แต่ในความจริงแล้ว การทาครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญ ที่ควรทำเป็นประจำทุกวัน แม้กระทั่งในวันที่อากาศไม่ร้อนจัดหรือมีเมฆหมอก เพราะว่าแสงแดดที่เรามองไม่เห็นอย่างรังสียูวี (Ultraviolet) นั้น สามารถเล็ดลอดผ่านเมฆหมอกและกระจกได้ โดยรังสียูวี แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้

  • UVA: เป็นรังสียูวีที่มีความยาวคลื่นยาว สามารถทะลุผ่านกระจกได้ ทำให้ผิวคล้ำเสีย เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย
  • UVB: เป็นรังสียูวีที่มีความยาวคลื่นสั้น เป็นสาเหตุของผิวไหม้แดด 
  • UVC: เป็นรังสียูวีที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด ถูกดูดซับโดยชั้นบรรยากาศโลก 

หากไม่ทาครีมกันแดด จะมีอันตรายอย่างไรบ้าง

หากไม่ทาครีมกันแดดเป็นประจำ ก็อาจจะส่งผลเสียต่อผิวหนังได้ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้

  1. ระยะสั้น
  • ผิวไหม้แดด: ผิวจะแดง แสบร้อน บวม พอง และลอก 
  • ผิวคล้ำเสีย: ผิวจะคล้ำลง เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • ผิวแห้ง: ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้น แตกแห้ง หยาบกร้าน
  • อาการแพ้: ผิวอาจเกิดอาการแพ้ คัน ระคายเคือง 
  1. ระยะยาว
  • ริ้วรอยก่อนวัย: ผิวจะเกิดริ้วรอย ร่องลึก เหี่ยวย่น 
  • หลอดเลือดฝอยโป่งพอง: หลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังจะขยายตัว มองเห็นชัด
  • มะเร็งผิวหนัง: เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง 

นอกจากนี้ การไม่ทาครีมกันแดดยังส่งผลเสียต่อดวงตา เพราะรังสียูวีเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นต้อกระจกและต้อเนื้อ ดังนั้น การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แม้กระทั่งในวันที่อากาศไม่ร้อนจัด เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปกป้องผิวจากรังสียูวี ช่วยป้องกันปัญหาผิวต่าง ๆ และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้


ประเภทของครีมกันแดดมีอะไรบ้าง

ครีมกันแดดทาหน้า

ในปัจจุบัน ครีมกันแดดมีมากมายหลายประเภท ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตและวัตถุประสงค์ในการใช้งาน โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้

ครีมกันแดด ประเภทสะท้อนรังสี (Physical Sunscreen)

ครีมกันแดด ประเภทสะท้อนรังสี (Physical Sunscreen) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Mineral Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุธรรมชาติ เช่น Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ทำหน้าที่เป็นเกราะสะท้อนรังสียูวี (Ultraviolet) ออกจากผิวหนัง ช่วยป้องกันผิวจากการถูกเผาไหม้ แดดแดง แดดดำ โดยมีข้อดีของโลชั่นกันแดดประเภทสะท้อนรังสี ได้แก่

  • มีความปลอดภัย: เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย 
  • ทำงานรวดเร็ว: ไม่ต้องรอให้เนื้อครีมซึมเข้าผิว ออกฤทธิ์ป้องกันรังสียูวีได้ทันที
  • ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB: ป้องกันได้ทั้งรังสียูวีที่ทำให้ผิวคล้ำเสียและรังสียูวีที่ทำให้ผิวไหม้แดด
  • ไม่ทิ้งคราบขาว: เหมาะสำหรับใช้เป็นครีมกันแดดทาตัว

ครีมกันแดด ประเภทดูดซับรังสี (Chemical Sunscreen)

ครีมกันแดด ประเภทดูดซับรังสี (Chemical Sunscreen) เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมเป็นสารเคมีในการดูดซับรังสียูวี (Ultraviolet) ทำหน้าที่เปลี่ยนเป็นความร้อนและปล่อยออกจากร่างกาย ช่วยป้องกันผิวจากการถูกเผาไหม้ แดดแดง แดดดำ โดยมีข้อดีของโลชั่นกันแดดประเภทดูดซับรังสี ได้แก่

  • เนื้อบางเบา: เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ 
  • ทาแล้วไม่มีคราบขาว: เหมาะสำหรับใช้เป็นครีมกันแดดทาหน้า
  • กันน้ำได้ดี: เหมาะสำหรับใช้เล่นน้ำหรือเหงื่อออกเยอะ
  • มีราคาไม่แพง: หาซื้อง่าย

ครีมกันแดด ประเภทผสม (Hybrid Sunscreen)

ครีมกันแดด ประเภทผสม (Hybrid Sunscreen) เป็นครีมกันแดดที่รวมเอาคุณสมบัติทั้งของประเภทสะท้อนรังสีและดูดซับรังสีเข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้สารเคมีบางชนิดดูดซับรังสียูวี (Ultraviolet) และใช้แร่ธาตุธรรมชาติบางชนิดสะท้อนรังสียูวี ช่วยป้องกันผิวจากการถูกเผาไหม้ แดดแดง แดดดำ โดยมีข้อดีของโลชั่นกันแดดประเภทผสม ได้แก่

  • เนื้อบางเบา: เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ 
  • ทาแล้วไม่มีคราบขาว: เหมาะสำหรับใช้เป็นครีมกันแดดหน้า
  • กันน้ำได้ดี: เหมาะสำหรับใช้เล่นน้ำหรือเหงื่อออกเยอะ
  • ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB: ป้องกันทั้งรังสียูวีที่ทำให้ผิวคล้ำเสียและรังสียูวีที่ทำให้ผิวไหม้แดด
  • อ่อนโยนต่อผิว: เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย

ครีมกันแดดทาหน้าและทาตัว มีความแตกต่างกันอย่างไร

ครีมกันแดดสามารถใช้ได้ทั้งตัว โดยแบ่งออกเป็นครีมกันแดดทาหน้าและครีมกันแดดทาตัว ซึ่งมีส่วนผสมที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะสามารถป้องกันแสงแดดได้เหมือนกัน แต่มีเหตุผลหลายประการที่ควรใช้แยกกัน ดังนี้

  1. เนื้อสัมผัส
  • ครีมกันแดดทาหน้า: มักมีเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับผิวหน้าที่บอบบาง 
  • ครีมกันแดดทาตัว: มักมีเนื้อหนา ทาแล้วอาจรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับผิวบริเวณลำตัวที่หนากว่า
  1. สารเคมี
  • ครีมกันแดดทาหน้า: มักมีสารเคมีที่อ่อนโยนต่อผิว เหมาะกับผิวแพ้ง่าย 
  • ครีมกันแดดทาตัว: อาจมีสารเคมีที่ระคายเคืองผิวได้ 
  1. สารกันน้ำ
  • ครีมกันแดดทาหน้า: มักมีค่ากันน้ำที่ต่ำกว่า เหมาะกับการทาในชีวิตประจำวัน 
  • ครีมกันแดดทาตัว: มักมีค่ากันน้ำสูง เหมาะกับการเล่นน้ำหรือเหงื่อออกเยอะ
  1. ส่วนผสมอื่น ๆ
  • ครีมกันแดดทาหน้า: มักมีส่วนผสมบำรุงผิวเพิ่มเติม เช่น วิตามินซี ไฮยาลูรอนิค 
  • ครีมกันแดดทาตัว: มักไม่มีส่วนผสมบำรุงผิว

ทั้งนี้ ควรใช้แยกกัน เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิวจากสารเคมีบางชนิด หากนำครีมกันแดดทาตัวมาทาหน้าก็อาจจะทำให้เกิดสิวหรืออาการแพ้ได้ อีกทั้งประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดสำหรับครีมกันแดดทาหน้ามักมีค่ากันน้ำที่ต่ำกว่าประเภททาตัว ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับการเล่นน้ำหรือเหงื่อออกเยอะ นอกจากนี้ ครีมกันแดดทาหน้ามักมีเนื้อบางเบา ทาแล้วไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับผิวหน้าที่บอบบาง


วิธีเลือกใช้ครีมกันแดดอย่างเหมาะสม

ด้วยครีมกันแดดเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับบริบทต่าง ๆ ของแต่ละบุคคล เพื่อให้สามารถใช้แล้วเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด โดยจะต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • ค่า SPF (Sun Protection Factor) บอกถึงประสิทธิภาพของครีมกันแดดในการป้องกันรังสียูวี (UVB) ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวไหม้แดด เช่น SPF 30 ป้องกันรังสียูวีได้ 96.7%, SPF 50 ป้องกันรังสียูวีได้ 98% เป็นต้น ควรเลือกค่า SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไป 
  • ค่า PA (Protection Grade of UVA) บอกถึงประสิทธิภาพของครีมกันแดดในการป้องกันรังสียูวีเอ (UVA) ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวคล้ำเสีย ริ้วรอยก่อนวัย และมะเร็งผิวหนัง เช่น PA+ ป้องกันรังสียูวีเอได้ 25%, PA++: ป้องกันรังสียูวีเอได้ 50% เป็นต้น ควรเลือกค่า PA +++ ขึ้นไป
  • ประเภทของครีมกันแดด ไม่ว่าจะเป็นประเภทสะท้อนรังสี, ดูดซับรังสี หรือแบบผสม
  • เนื้อสัมผัสของครีมกันแดด เช่น เนื้อเจลเหมาะกับผิวมัน, เนื้อครีมเหมาะกับผิวแห้ง, เนื้อโลชั่น เหมาะกับผิวผสม เป็นต้น
  • คุณสมบัติอื่น ๆ เช่น กันน้ำ, กันเหงื่อ, ควบคุมความมัน, บำรุงผิว เป็นต้น
  • สภาพผิว ทั้งผิวมัน, ผิวแห้ง, ผิวแพ้ง่าย เป็นต้น

เลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว

ครีมกันแดดทาตัว

หนึ่งในปัจจัยในการเลือกใช้ครีมกันแดด คือ สภาพผิว เพราะโลชั่นกันแดดแต่ละประเภทก็จะมีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องศึกษาและเลือกใช้ให้เหมาะสม

ครีมทาแดดสำหรับผิวมัน

ครีมกันแดดสำหรับผิวมัน ควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • เนื้อบางเบา: ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งคราบขาว
  • Oil-Free: ปราศจากน้ำมัน ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน
  • Non-Comedogenic: ผ่านการทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดสิว
  • ควบคุมความมัน: ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า

ครีมทาแดดสำหรับผิวแห้ง

ครีมกันแดดสำหรับผิวแห้ง ควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • เนื้อครีม: เข้มข้น ชุ่มชื้น ช่วยบำรุงผิว
  • มีส่วนผสมเติมน้ำ: เช่น ไฮยาลูรอนิค แกลคโทมัยซีส ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์: ไม่ระคายเคืองผิว

ครีมทาแดดสำหรับผิวผสม

ครีมกันแดดสำหรับผิวผสม ควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • เนื้อบางเบา: ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งคราบขาว
  • Oil-Free: ปราศจากน้ำมัน ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน
  • ควบคุมความมัน: ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า
  • มีส่วนผสมเติมน้ำ: เช่น ไฮยาลูรอนิค แกลคโทมัยซีส ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว

ครีมทาแดดสำหรับผิวแพ้ง่าย

ครีมกันแดดทาหน้าผิวแพ้ง่ายควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • สูตรอ่อนโยน: ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ สี จะต้องผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง ว่า เหมาะสำหรับผิวที่บอบบางระคายเคืองง่าย
  • เนื้อบางเบา: ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งคราบขาว ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน
  • ส่วนผสม: แร่ธาตุธรรมชาติ เช่น Zinc Oxide และ Titanium Dioxide และควรหลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมี เพราะอาจจะระคายเคืองผิว หรืออาจจะมีส่วนผสมบำรุงผิวอื่น ๆ เช่น วิตามินซี ไฮยาลูรอนิค

ครีมทาแดดสำหรับผิวปกติ

ครีมกันแดดสำหรับผิวปกติ สามารถเลือกเนื้อสัมผัสที่เหมาะกับความชอบได้อย่างหลากหลาย เช่น

  • เนื้อเจล: บางเบา ซึมไว เหมาะกับอากาศร้อน 
  • เนื้อครีม: เข้มข้น ชุ่มชื้น เหมาะกับอากาศเย็น 
  • เนื้อโลชั่น: ซึมง่าย เหมาะกับใช้ทั่วไป

นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกคุณสมบัติของครีมกันแดดอื่น ๆ ได้ตามความต้องการ เช่น กันน้ำ กันเหงื่อ (เหมาะสำหรับใช้เล่นน้ำหรือออกกำลังกาย), มีส่วนผสมบำรุงผิว (เช่น วิตามินซี ไฮยาลูรอนิค) เป็นต้น


สรุปเกี่ยวกับครีมกันแดด

การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แม้กระทั่งในวันที่อากาศไม่ร้อนจัด เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปกป้องผิวจากรังสียูวี ช่วยป้องกันปัญหาผิวต่าง ๆ และลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนัง ควรเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว โดยค่า SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไป และค่า PA +++ ขึ้นไป พร้อมทั้งเลือกส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อผิว และทาครีมกันแดดอย่างถูกวิธี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด


Thank you for your Vote Rating
[Total: 0 Average: 0]