รวมข้อมูลการจัดฟัน กับคำถามน่าสนใจ ที่คน [ จัดฟัน ] จำเป็นต้องรู้ !

รวมข้อมูลการจัดฟันกับคำถามที่น่าสนใจ

ฟันเก ฟันซ้อน ฟันยื่น ฟันห่าง ฟันไม่สบกัน ทำให้ขาดความมั่นใจ ทุกปัญหาแก้ด้วย การจัดฟัน

เมื่อประสบปัญหาสุขภาพฟัน เช่น ฟันเก ฟันเหยิน ฟันห่าง ฟันซ้อน การสบฟันที่ไม่ดี รวมถึงการเรียงตัวของรูปร่างไม่สวยงาม การจัดฟันจึงถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เจ้าของช่องปากและฟัน ให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี สบฟันดี เคี้ยวอาหารได้ละเอียดขึ้น ฟันเรียงตัวสวยงามอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ยิ้มสวยมั่นใจ เสริมบุคลิกภาพได้อีกทางหนึ่ง

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน แสดงหัวข้อ
การจัดฟัน คืออะไร
การจัดฟัน คืออะไร

การจัดฟัน คืออะไร

การจัดฟัน ( Orthodontics ) คือ การแก้ไขปัญหาการเรียงตัวที่ผิดปกติของฟัน ให้เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบและเหมาะสม สามารถสบฟันได้ตามปกติ และขากรรไกรมีตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยแก้ไขปัญหาในช่องปากที่อาจเกิดความผิดปกติได้ในอนาคต  ซึ่งการจัดฟันจะเปลี่ยนโครงสร้างของฟัน โดยการใช้เครื่องมือกระตุ้นให้เกิดการปรับโครงสร้างของฟันใหม่ แบบค่อยเป็นค่อยไป การจัดฟันจึงต้องใช้ระยะเวลานานอย่างน้อย 2 ปี

ใครบ้างควรจัดฟัน

ผู้ที่ควรจัดฟัน คือ ผู้ที่มีปัญหา

  • ฟันเก
  • ฟันซ้อน
  • ฟันยื่น
  • ฟันห่าง
  • ฟันคุด
  • ฟันไม่สบกัน

ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะทำให้ฟันสึกกร่อนเสียหาย เกิดปัญหาในช่องปากตามมาอีกหลายอย่าง เช่น ฟันผุ มีกลิ่นปาก ทำความสะอาดลำบาก ไม่ทั่วถึง และขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน

รูปแบบการจัดฟัน

การจัดฟันมีหลายรูปแบบ แต่ละประเภทก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเราจะชอบแบบไหน และราคาจะเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะแต่ละแบบราคาย่อมไม่เท่ากันแน่นอน เราไปดูกันว่าแต่ละแบบเป็นอย่างไรบ้าง

การจัดฟันแบบโลหะ

การจัดฟันแบบโลหะ

การจัดฟันแบบโลหะ เป็นการจัดฟันที่เห็นโดยปกติทั่วไป ส่วนมากวัยรุ่นจะนิยมจัดฟันแบบโลหะ เพราะมีสีสันสดใส มียางรัด O-ring ที่สามารถเลือกสีที่ใช้รัดลวดให้ติดกับ Bracket ที่เป็นโลหะติดกับผิวฟัน การจัดฟันแบบโลหะเป็นชนิดติดแน่น และต้องไปพบทันตแพทย์ทุกเดือนเพื่อปรับลวดและเป็นอุปกรณ์

การจัดฟันแบบเซรามิก

การจัดฟันแบบเซรามิก

การจัดฟันแบบเซรามิก เป็นการจัดฟันแบบติดแน่น ใช้อุปกรณ์สีเหมือนฟัน ลวดเป็นโลหะสีเงิน ยางรัด O-ring สีใส การจัดฟันแบบเซรามิกสีสันจะไม่สดใสเหมือนจัดฟันแบบโลหะ จึงเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ถ้ามองไกลๆจะมองไม่เห็นว่าจัดฟัน ซึ่งการจัดฟันแบบนี้ต้องพบทันตแพทย์ทุกเดือน เพื่อทำการปรับลวดและเปลี่ยนอุปกรณ์

การจัดฟันแบบใส-invisalign

การจัดฟันแบบใส

จัดฟันแบบใส จะใช้เครื่องมือที่เป็นแผ่นวัสดุบาง ไม่มีเหล็ก ไม่มีลวด ยาง ใช้ครอบฟันจริงทั้งหมด แต่ไม่หลุดง่าย ไม่ทำให้กระพุ้งแก้มเป็นแผล ไม่เป็นคราบหินปูน สามารถถอด เข้า ออกได้ นอื่นจะมองไม่เห็นว่ากำลังจัดฟัน จึงเหมาะกับคนที่ต้องใช้หน้าตา หรือเข้างานที่ต้องพบปะผู้คนบ่อยๆ เช่น ดารา นักแสดง นักร้อง พริตตี้ นักธุรกิจ แอร์โอสเตส คนที่มีชื่อเสียงที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่ากำลังจัดฟัน

การจัดฟันด้านใน

การจัดฟันด้านใน เป็นการจัดฟันที่อุปกรณ์มีขนาดเล็ก ทำให้มองไม่เห็นอุปกรณ์จัดฟันเลย แม้ในขณะ ยิ้ม หัวเราะ หรือพูดคุยกันใกล้ๆ เพราะอุปกรณ์จะติดไว้ด้านหลังฟัน ทันตแพทย์จะออกแบบมาเฉพาะบุคคล จึงเหมาสำหรับคนที่ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่ากำลังจัดฟัน และการจัดฟันแบบนี้ก็ไม่ค่อยมีผลกระทบเกี่ยวกับการออกเสียงเท่าไหร่นัก

การจัดฟันแบบดามอน

การจัดฟันแบบดามอน

การจัดฟันแบบดามอน เป็นการจัดฟันแบบเร่งด่วน ที่ใช้เทคโนโลยี Self-Ligating  ผู้ที่จัดฟันแบบนี้จะไม่ค่อยรู้สึกเจ็บเพราะไม่ต้องใช้ยางรัด O-ring และมีข้อดีสะดวกสำหรับคนมีธุระเยอะ คือ ไม่ต้องไปพบทันตแพทย์ทุกเดือนเหมือนการจัดฟันรูปแบบอื่น แต่ถึงยังไงก็ต้องมาพบทันตแพทย์ทุก 2-3 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพในช่องปากและอุปกรณ์จัดฟัน

จัดฟันได้ตั้งแต่ตอนอายุเท่าไหร่

จัดฟันได้ตั้งแต่ตอนไหน

หากมีปัญหาเกี่ยวกับฟัน และต้องการจัดฟัน สามารถจัดฟันได้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ถ้าเป็นเด็กก็ควรจะมีอายุประมาณ 11 ปีขึ้นไป เพราะช่วงวัยนี้ฟันแท้ขึ้นครบแล้ว  ส่วนระยะเวลาการจัดฟัน ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล ซึ่งจะไม่เท่ากันอยู่ประมาณ 18 -24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของฟัน และการเลือกรูปแบบการจัดฟัน

แต่ถ้าอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป การจัดฟันจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่า 2 ปี เพราะการเคลื่อนตัวของฟันจะช้ากว่าคนที่มีอายุน้อย และยังมีโอกาสเหงือกร่น กลุ่มนี้หลังจัดฟันต้องใส่รีเทนเนอร์ เพื่อช่วยรักษาสภาพฟันนานกว่าคนที่มีอายุน้อยอีกด้วย

ควรเลือกจัดฟันแบบไหนดี ที่เหมาะกับตนเอง

ควรเลือกจัดฟันแบบไหนดี ที่เหมาะกับตัวเอง

เมื่อทราบรูปแบบและประเภทการจัดฟันไปแล้ว ต้องถามความต้องการและความสะดวกของตนเอง เพราะการจัดฟันทุกแบบให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน ต้องสำรวจตัวเองว่าแบบไหนเหมาะสมที่สุด เช่น

  1. มีเวลามาพบทันพแพทย์บ่อยแค่ไหน และให้ระยะเวลาในการจัดฟันเสร็จนานแค่ไหน
  2. เหมาะกับหน้าที่การงาน หรืออยากให้เห็นเครื่องมือจัดฟันหรือไม่
  3. งบประมาณที่มีสำหรับการจัดฟัน
การเตรียมตัวก่อนการจัดฟัน

การเตรียมตัวก่อนจัดฟัน

ก่อนการจัดฟัน ก็ต้องมีการเตรียมตัวกันหน่อย โดยการหาข้อมูลแบบละเอียด จะทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ไปดูกันว่าการเตรียมตัวก่อนการจัดฟันต้องรู้อะไร และทำยังไงกันบ้าง

  1. ตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าทำไมต้องจัดฟัน คุณมีปัญหาฟันเก ฟันซ้อน ฟันยื่น ฟันห่าง ฟันคุด หรือปัญหาในช่องปากที่ต้องการแก้ไขปัญหาเหล่านี้หรือไม่
  2. จัดฟันที่ไหนดี เมื่อคุณแน่ใจแล้วว่าต้องการจัดฟันเพื่อแก้ไขปัญหาในช่องปาก ตอ่ไปต้องเลือกคลินิกหรือทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในด้านนี้โดยเฉพาะ จะทำให้การจัดฟันของคุณไม่มีปัญหาภายหลัง
  3. ดูค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับเรา เพราะการจัดฟันมีหลายรูปแบบให้เลือก ซึ่งแต่ละแบบก็ราคาไม่เท่ากัน ราคาขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 3-5 หมื่นบาทไปจนถึงหลักแสนบาท เลือกแบบสบายกระเป๋า เพราะการจัดฟันต้องใช้ระยะเวลานาน
  4. เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการจัดฟัน โดยการเข้าไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพในช่องปากก่อนการจัดฟัน เพื่อรับคำแนะนำ และอาจะจะต้องมีการถอนฟัน รักษารากฟัน ขูดหินปูนก่อน การจัดฟัน และเลือกรูปแบบในการจัดฟัน
  5. จัดฟัน ทันตแพทย์จะใส่อุปกรณ์จัดฟัน ซึ่งขั้นตอนนี้ผู้ที่จัดฟันครั้งแรกจะรู้สึกเจ็บในช่องปาก ปวดเหงือก เคี้ยวอาหารยาก ซึ่งต้องการใช้ความอดทน อาการเหล่านี้จะหายไปหลังจาก 1 สัปดาห์  แต่ถ้ายังปวดอยู่ก็ทานยาแก้ปวดระงับอาการได้
  6. ไปพบทันตแพทย์ตามนัด หลังจากจัดฟันเสร็จ จะต้องเข้าไปพบทันตแพทย์ทุกเดือนๆละ 1 ครั้ง เพื่อปรับอุปกรณ์จัดฟัน และตรวจสุขภาพในช่องปาก และคำแนะนำเพิ่มเติมจากทันตแพทย์
  7. ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ในเรื่องการทำความสะอาดและการกินอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การจัดฟันเป็นไปตามแผน และจัดฟันออกมาสวยตามต้องการ

ขั้นตอนการจัดฟัน

ขอบคุณ VDO : หมอโอ๋ชีวิตดี๊ดีเพราะฟันสวย

  1. ตรวจสุขภาพฟัน

ก่อนการจัดฟันทันตแพทย์จะตรวจสุขภาพฟัน เพื่อแก้ไขปัญหาฟันและช่องปากให้พร้อมก่อนการจัดฟัน เช่น รักษาฟันผุ ขูดหินปูน เคลือบร่องฟัน เพื่อไม่เกิดปัญหาขณะจัดฟัน

  1. การจัดฟัน

ทันตแพทย์จะประเมินลักษณะรูปร่าง การจัดเรียงของฟัน รากฟัน กระดูกบริเวณรากฟัน ลักษณะโครงหน้าโดยรวม ซึ่งจะต้องทำการเอกซเรย์ 360 องศา และถ่ายภาพฟันไว้ และประเมินว่าจะต้องใช้เครื่องมือจัดฟันรูปแบบใด บวกกับความพอใจของผู้จัดฟันเองด้วย เมื่อตกลงร่วมกันแล้ว ทันตแพทย์ก็จะทำการจัดฟันโดยใส่เครื่องจัดฟัน และแนะนำวิธีดูแลรักษาฟัน

  1. การดูแลหลังการจัดฟัน

เมื่อจัดฟันเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จะนัดให้มาตรวจทุกเดือนเพื่อปรับเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งแนวฟันจะค่อยๆเคลื่อนเข้าจุดที่ต้องการ

ราคาการจัดฟัน

ราคาจัดฟัน

การจัดฟัน มีหลายรูปแบบ ราคาก็แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล

  1. การจัดฟันแบบโลหะธรรมดา เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น ราคาประมาณ 45,000-65,000 บาท
  2. การจัดฟันแบบเซรามิก เป็นอุปกรณ์จัดฟันที่สีเหมือนฟัน เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ราคาประมาณ 60,000-85,000 บาท
  3. การจัดฟันแบบดามอน เป็นการจัดฟันแบบเร่งด่วนโดยใช้เทคโนโลยี ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บน้อย และไม่ต้องใช้สายยางรัด O-ring ราคาประมาณ 70,000-95,000 บาท
  4. การจัดฟันด้านใน คนอื่นจะมองไม่เห็นอุปกรณ์จัดฟันเลย แม้เวลายิ้มหัวเราะ ราคาประมาณ 150,000-180,000 บาท
  5. การจัดฟันแบบใสถอดได้ เป็นที่นิยมของคนที่มีชื่อเสียง นักร้องนักแสดง ราคาประมาณ 70,000-25,000 บาท

การดูแลรักษาหลังการจัดฟัน

ขอบคุณ VDO : Happy Nucha

หลังการจัดฟัน การดูแลรักษาฟัน เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก และควรใส่ใจเพื่อไม่เกิดปัญหาในช่องปากที่อาจส่งผลกระทบถึงการจัดฟันได้

  1. การทำความสะอาด ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ผู้ที่จัดฟันควรทำความสะอาดฟันและเครื่องมือจัดฟันให้สะอาดอยู่เสมอ แปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน หลังอาหาร 3 เวลา เพื่อลดเศษอาหารที่ไปติดอยู่กับเครื่องมือจัดฟัน หากไม่ใส่ใจ จะทำให้มีคราบจุลินทรีย์และเศษอาการเข้าไปสะสมทำให้เกิดปัญหา เช่น ฟันผุ มีกลิ่นปาก ตามมา
  2. หลีกเลี่ยงอาหาร ขนม ที่มีลักษณะแข็ง กรอบ เช่น ข้าวโพดคั่ว ถั่ว น้ำแข็ง ขนมที่ลักษณะเหนียวๆหนืดๆ และขนมจำพวกที่มีรสหวาน เช่น ลูกอม ของหวาน น้ำอัดลม เพื่อป้องกันปัญหาฟันผุ
  3. หลีกเลี่ยงการใช้ฟันกัดของแข็ง ซึ่งมีโอกาสทำให้ฟันบิ่นแตกหักได้
  4. ไปพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ เพื่อรับการตรวจสุขภาพฟัน และแก้ไขปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ทันการ
การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร
จัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร

การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร

ปัญหาโครงสร้างใบหน้าและขากรรไกรผิดปกติ หลายคนเข้าใจว่าการจัดฟันจะช่วยแก้ปัญหาได้ ซึ่งความจริงแล้วการจัดฟันเพียงอย่างเดียวแก้ปัญหาไม่ได้  จำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับการผ่าตัดขากรรไกร โดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ ก่อนการผ่าตัดแพทย์จะต้องทำการตรวจเช็คสภาพปัญหา โดยการตรวจช่องปากและเอกซเรย์ใบหน้าเพื่อดูขากรรไกร บน –ล่าง ว่ามีส่วนไหนผิดปกติ แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์วางแผนการรักษา

การผ่าตัดขากรรไกร คนไข้ต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว หรือถ้ามีต้องได้รับการอนุญาตจากหมอโรคนั้นก่อน เพราะการผ่าตัดขากรรไกรเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องใช้ยาสลบ และผู้ที่สามารถผ่าตัดขากรรไกรได้ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นเพราะกระดูกขากรรไกรโตเต็มที่ หากอายุยังไม่ถึงก็ต้องรอจนกว่าอายุจะครบ 18 ปีก่อน

ขั้นตอนการจัดฟันร่วมกับผ่าตัดขากรรไกร

  1. จัดฟันก่อนการผ่าตัดขากรรไกร เพื่อเตรียมความพร้อมให้ฟันอยู่ในสภาพที่ดีมีเครื่องยึดแน่นและสัมพันธ์ไปกับตำแหน่งขากรรไกร ซึ่งจะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี
  2. ผ่าตัดขากรรไกร หลักจากจัดฟันแล้ว ขั้นตอนการผ่าตัดขากรรไกรจำเป็นต้องทำในโรงพยาบาลเนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องมีอุปกรณ์พร้อม ก่อนการผ่าตัดคนไข้จะต้องพิมพ์ปาก เอกซเรย์ ทำเผือกสบฟันสำหรับใช้ในห้องผ่าตัด และถึงขั้นตอนผ่าตัดขากรรไกร โดยแพทย์จะผ่าตัดแยกขากรรไกรและฟันจะถูกจัดวางใหม่ และถอยกรามไปด้านหลังหรือเลื่อนกรามไปด้านหน้าในตำแหน่งที่ต้องการก่อนจะใส่เหล็กสกรูยึดขากรรไกรจนกระดูกจะสมานตัว อาจจะต้องฟันไว้หลายสัปดาห์หลังการผ่าตัดต้องนอนพักโรงพยาบาล 1-3 วัน และกลับไปฟักฟื้นที่บ้าน คนไข้จะมีอาการบวม แต่หลังการผ่าตัดจะเห็นรูปหน้าที่ชัดเจนขึ้น และควรทานอาหารเหลวเป็นเวลา 3-6 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
  3. การจัดฟันหลังผ่าตัด เพื่อเก็บรายละเอียดให้รูปหน้าดูสมส่วน การสบฟันสมบูรณ์ขึ้น โดยจะใช้หนังยางดึง ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
ข้อดี-ข้อเสีย-ของการจัดฟัน

ข้อดีข้อเสียของการจัดฟัน

ข้อดีของการจัดฟัน

  1. ช่วยจัดฟันที่มีความผิดปกติ ให้ความเป็นระเบียบสวยงาม พูด ยิ้ม หัวเราะ ได้อย่างมั่นใจ
  2. ช่วยแก้ปัญหาสุขภาพฟันและช่องปาก
  3. ทำให้รู้จักรักษาสุขภาพฟันและช่องปากมากขึ้น จนเกิดเป็นนิสัย เพราะการจัดฟันจะต้องดูแลเป็นพิเศษอย่างน้อยก็ 2 ปี
  4. การจัดฟันทำให้หน้าเปลี่ยน ดูเรียว ดูคมขึ้น ทำให้เพิ่มเสน่ห์ เสริมบุคลิกให้ดูดีขึ้น
  5. ช่วยให้การสบฟันถูกต้อง สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดียิ่งขึ้น

ข้อเสียของการจัดฟัน

  1. ต้องอดทนกับความเจ็บปวดในการจัดฟัน และความอึดอัดที่มีเครื่องจัดฟันอยู่ในช่องปากเป็นเวลานาน
  2. ค่าใช้จ่ายสูง สำหรับคนที่ไม่พร้อมเรื่องการเงิน ก็ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้
  3. ใช้เวลานาน อย่างน้อยก็ 2 ปี
  4. เวลากิน เวลาแปรงฟัน ลำบาก เพราะต้องพิถีพิถัน และใส่ใจเป็นพิเศษกว่าคนที่ไม่ได้จัดฟัน
  5. หากรักษาไม่ดี อาจเกิดฟันผุ ฟันเหลือง มีหินปูน และเป็นโรคเหงือกได้ง่าย

การดูแลสุขภาพช่องปากระหว่างการจัดฟันอย่างไร

เมื่อจัดฟันไปแล้วต้องดูแลช่องปากตนเองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่เลือกจัดฟันแบบเครื่องมือติดแน่น เพราะการรับประทานอาหารแต่ละครั้ง จะมีเศษอาหารติดที่เครื่องมือและที่รอยต่อระหว่างเครื่องมือจัดฟันและผิวฟันได้ง่าย จึงต้องดูแลทำความสะอาดฟันและเหงือกเพื่อลดโอกาสการเกิดฟันผุ หรือเหงือกอักเสบขณะจัดฟัน ควรแปรงฟันหลังการรับประทานอาหารทุกครั้ง ให้ใช้อุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น แปรงซอกฟันขนาดเล็ก ไหมขัดฟันเป็นต้น

FAQ การจัดฟัน

จัดฟันหน้าเรียวขึ้นไหม

ขอบคุณ VDO : หมอโอ๋ชีวิตดี๊ดีเพราะฟันสวย

การจัดฟันแพทย์จะติดเครื่องมือจัดฟันที่ฟันกราม ทำให้เวลาเคี้ยวอาหารยากกว่าปกติ ทำให้เคี้ยวข้าวน้อยลง กล้ามเนื้อตรงกรามจึงเล็กลงนิดหน่อย ซึ่งบริเวณตรงนี้คือกล้ามเนื้อส่วนเดียวกันที่คนทั่วไปไปฉีดโบท็อกลดกราม จึงทำให้เวลาจัดฟัน หน้าจึงดูเรียวขึ้น

ปวดฟันขณะจัดฟันทำยังไง

หลังการจัดฟันเสร็จจะรู้สึกเจ็บปวดมาก ซึ่งอาการต่างๆจะค่อยๆหายไปเอง แต่ถ้าทนไม่ไหว ก็สามารถใช้ยาแก้ปวดกินเบาเทาอาการปวดได้

จัดฟันที่ไหนดี

จัดฟันที่ไหนดี ปัจจุบันมีคลินิกที่รับจัดฟันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจำเป็นต้องเลือกให้ดี พิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะการจัดฟันต้องใช้เงินค่อนข้างสูงและใช้เวลานาน ต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้น สิ่งที่สำคัญควรเลือกคลิกนิกที่เดินทางสะดวก เพราะการจัดฟันจำเป็นต้องไปพบทันตแพทย์ทุกเดือน หากเลือกคลินิกไกลจะทำให้เดินทางไม่สะดวกและเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง

จัดฟันเจ็บไหม

การจัดฟันครั้งแรก จะรู้เจ็บปวด เพราะมีแรงดึงจากอุปกรณ์การจัดฟัน และทุกๆ  เดือนหลังจัดฟันเสร็จ ทันตแพทย์ก็จะนัดคนไข้เข้าไปปรับอุปกรณ์จัดฟันเพื่อให้ฟันเคลื่อนไปตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งในช่วงที่ปรับอุปกรณ์จะรู้สึกเจ็บ แต่อาการเจ็บเหล่านี้จะค่อยๆลดลงไปเอง ไม่ต้องเป็นกังวลมากจนเกินไป

ระยะเวลาในการจัดฟัน

ระยะเวลาการจัดฟันแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัญหาฟันและช่องปากของแต่ละคน ซึ่งบางคนก่อนการจัดฟันต้องรักษารากฟัน รักษาฟันผุก่อนจึงจะจัดฟันได้ หรือบางคนจัดฟันตอนอายุเยอะ ก็จะใช้เวลามากกว่าวัยเด็ก และการเลือกรูปแบบของการจัดฟันก็มีผลต่อระยะเวลาการจัดฟันเช่นกัน แต่โดยส่วนมากจะอยู่ประมาณ 2 ปี

จัดฟันเสร็จต้องใส่รีเทนเนอร์ตลอดไหมไม่ใส่ได้รึเปล่า

หลังการจัดฟันต้องใส่รีเทนเนอร์เพื่อบังคับให้ฟันที่จัดจนเรียงตัวสวยแล้วไม่เคลื่อนไปตำแหน่งอื่นหรือกลับไปเป็นเหมือนเดิม ซึ่งจะต้องใส่ทุกวัน ใส่ไปจนกว่าทันตแพทย์จะสั่งให้ถอดได้ หากไม่ใส่รีเทนเนอร์ การจัดฟันที่เราอดทนมาหลายปี จะต้องล้มเหลวลง หากต้องการจัดฟันก็ต้องไปเริ่มต้นใหม่ ซึ่งเสียเวลามากๆ  การใส่รีเทนเนอร์หลังการจัดฟันจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก

สำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟัน การเลือกคลิกนิกและทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญมาก และหลังการจัดฟันเสร็จการดูแลรักษาสุขภาพฟันและช่องปากจำเป็นที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น บดเคี้ยวของแข็ง ขนมกรุบกรอบ น้ำเข็ง ฯลฯ เพื่อไม่ให้ฟันบิดเบี้ยว หากปฏิบัติตัวถูกต้องการจัดฟันก็จะเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ คุณก็จะได้ฟันสวยๆ สร้างความมั่นใจ พูด ยิ้ม หัวเราะ กับผู้คนได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องปิดปากให้เสียบุคลิกอีกต่อไป

Thank you for your Vote Rating
[Total: 0 Average: 0]