เมโสหน้าใสสะกิด VS เมโสหน้าใส 16 จุด แบบไหนดี ? ทางลัดหน้าใส กี่ครั้งเห็นผล ?

เมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส

คนที่มีปัญหาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ หน้าหมองคล้ำ ผิวโทรมและดูไม่สดใส มีวิธีทำหน้าใสด้วยการฉีดเมโสหน้าใสมาแนะนำ โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง อยากได้ทางลัดที่สะดวก เห็นผลเร็วในการแก้ปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจ ฉีด Meso หน้าใส แก้ปัญหาตรงจุด ปลอดภัย เพราะตัวยาที่ฉีดเข้าไปเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผิว จำพวกวิตามินช่วยบำรุงผิว เข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง จึงเห็นผลไวกว่าการทาครีม

สำหรับใครที่หาข้อมูลเกี่ยวกับเมโสหน้าใส อาจจะสะดุดกับเทคนิคการฉีด ที่มีทั้งเมโสหน้าใสแบบสะกิด และเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด ซึ่งแต่ละคลินิกก็จะใช้เทคนิคแตกต่างกัน มาดูความแตกต่างของทั้ง 2 การฉีดหน้าใสทั้ง 2 แบบ และฉีดเมโสหน้าใส บวมกี่วัน? ราคาเท่าไหร่? กี่ครั้งเห็นผล? ในบทความนี้

เมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไร ?

ก่อนจะไปดูเทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส มารู้ประโยชน์ของการฉีดเมโสหน้าใส ซึ่งเป็นการฉีดสารบำรุงและวิตามินเข้าไปในผิวชั้นกลาง ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ดังนี้

  1. ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  2. ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ขับสารพิษ
  3. ช่วยปรับให้ผิวหน้าขาว กระจ่างใส
  4. ช่วยลดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ
  5. ช่วยทำให้รูขุมขนที่กว้าง เล็กลง
  6. ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์
  7. ช่วยลดโอกาสการเกิดริ้วรอยใหม่บนใบหน้า

ด้วยความที่เมโสหน้าใสมีหลายสูตรการบำรุง จึงสามารถแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันได้อย่างครอบคลุม โดยหลัก ๆ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 สูตร คุณหมอจะให้คำแนะนำและเลือกสูตรเมโสหน้าใสที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาผิว ดังนี้ 

สูตรที่ 1 เน้นหน้าขาวใส : มีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ ที่ทำให้หน้าขาว เช่น vitamin A B C E, Transamin, Glutathione

สูตรที่ 2 เน้นหน้าใส : มีส่วนผสมของคอลลาเจน และโคเอนไซม์ เป็นหลัก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวฟูขึ้น กระชับรูขุมขน

สูตรที่ 3 เน้นลดสิว-แก้ผื่น : สูตรมาเด้คอลลาเจน (Made Collagen) ช่วยลดการอักเสบ ขับสารพิษที่สะสมอยู่ในผิว และยังมีคอลลาเจนช่วยให้ต่อมไขมันทำงานลดลง ลดการเกิดสิว

ประเมินปัญหาผิว

คุณหมอประเมินปัญหาผิว พร้อมแนะนำสูตรเมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส กี่ครั้งเห็นผล ?

ทําเมโสหน้าใส เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรก เพียง 3 วันหลังฉีด จะรู้สึกว่าผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น ดูสุขภาพดีขึ้น เห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 7-14 วัน

เทคนิคฉีดเมโสหน้าใส

สำหรับเทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส จะมีทั้งแบบเก่า คือ เมโสหน้าใสสะกิด และแบบใหม่ คือ เมโสหน้าใส 16 จุด ซึ่งทั้ง 2 เทคนิคจะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน โดยเมโสหน้าใส 16 จุด ได้ผลลัพธ์ดีกว่าจึงได้รับความนิยมมากกว่าในปัจจุบัน

เปรียบเทียบเทคนนิคการฉีดเมโสหน้าใส

เมโสหน้าใสสะกิด

เมโสหน้าใสสะกิด คือ หนึ่งในเทคนิคการฉีดเมโสหน้าใสแบบเก่า ซึ่งแต่เดิมการฉีดเมโส จะใช้เข็มฉีดตัวยากระจายเป็นจุดเล็ก ๆ ในผิวชั้นตื้นทั่วทั้งหน้าเรียกว่า Mesotherapy

ข้อดีของเมโสหน้าใสสะกิด ใช้เข็มจิ้มเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วหน้า สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปด้วยในตัว แต่ก็ข้อเสีย คือ อาจเกิดรอยช้ำรอยแดง และถ้าระหว่างฉีด ไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอ อาจเกิดการอักเสบติดเชื้อตามมาได้ ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ซื้อเมโสมาสะกิดเอง

เมโสหน้าใสสะกิดเอง อันตรายไหม ?

อันตราย ไม่แนะนำให้สั่งซื้อเองทางออนไลน์ ซื้อเมโสหน้าใสมาสะกิดเองหรือฉีดเองเด็ดขาด เพราะการฉีดเมโสหน้าใสต้องรู้ว่าจะฉีดจุดไหน ปริมาณเท่าไหร่ ควรฉีดกับแพทย์จริง ๆ เท่านั้น รวมถึงห้ามใช้บริการเมโสที่รับฉีดตามบ้าน เพราะอาจเกิดอันตราย เจอเมโสปลอมที่ทำเลียนแบบ กล่องเหมือนกัน แต่ตัวยาไม่ได้มาตรฐาน ใช้แล้วอาจมีอาการแพ้ เป็นผื่น ทำให้ผิวบางหรือเกิดการอักเสบได้

ผลข้างเคียงฉีดเมโสปลอม

หรืออาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่านั้นในระยะยาว เช่น ถ้ามีส่วนผสมของสเตียรอยด์หรือฮอร์โมน แม้จะเห็นผลไว ผิวขาวเนียนนุ่มในช่วงแรก แต่เมื่อฉีดไปนาน ๆ 1-2 ปี จะทำให้ชั้นผิวบางลง เกิดฝ้า ผิวไวต่อแดดและเกิดริ้วรอยก่อนวัย บางทีอาจจะถึงขั้นเกิดมะเร็งได้

เมโสหน้าใส 16 จุด

ปัจจุบันคลินิกเสริมความงามชั้นนำ จึงนิยมใช้เทคนิคฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด ซึ่งเทคนิคใหม่กว่าการฉีดเมโสหน้าใสสะกิด โดยจะฉีดไปตามจุดฝังเข็มทั้ง 16 จุดทั่วใบหน้า ตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง

ข้อดีเมโสหน้าใส 16 จุด คือ เป็นแผลน้อยกว่า รอยช้ำน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า ตัวยาออกฤทธิ์ได้ยาวนานกว่า เปรียบเทียบคล้าย ๆ กับเราฝังตัวยาไว้ที่ต้นน้ำ แล้วปล่อยให้ยาค่อย ๆ ไหลกระจายออกมา เทคนิคฉีดเมโส 16 จุด จึงออกฤทธิ์ได้นานกว่าแบบสะกิด

เมโสหน้าใสแบบสะกิดแบบ 16 จุด
ลักษณะการฉีดฉีดกระจายเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง
การออกฤทธิ์ตัวยาออกฤทธิ์ได้น้อยกว่าตัวยาเข้าสู่ชั้นผิวเต็มที่ ออกฤทธิ์ได้นานกว่า
ผลลัพธ์หลังฉีดรอยช้ำแดง เสี่ยงอักเสบติดเชื้อรอยช้ำ รอยเข็มน้อย เจ็บน้อย

ฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด ทั่วใบหน้า

เมโสหน้าใส หน้าบวมกี่วัน ?

อาการหน้าบวมจากการฉีดเมโสหน้าใส เป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยในบางเคสจะมีรอยบวมจากรอยเข็มที่ฉีด สามารถหายได้เองใน 1-3 วัน สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

แต่ถ้าหลังฉีดเมโสหน้าใสแล้วมีผื่นแดงขึ้น อันนี้ต้องมาดูสาเหตุกันก่อนว่าเกิดจากอะไร? ถ้าจากการอักเสบติดเชื้อ มักจะไม่บวมแดงทันทีหลังทำทันที จะเริ่มบวมแดงมากขึ้นหลังจากวันที่ 3 หลังฉีด หากรีบรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อก็จะหายได้อย่างปลอดภัย 100% และควรระวังเรื่องความสะอาดในการฉีดครั้งต่อ ๆ ไป

หรือถ้าเกิดจากการแพ้ยาชาแบบทาหรือตัวยาเมโส จะบวมแดงทันทีหลังทำ และเป็นทั่วทุกจุดที่ฉีด หรือจุดที่ทายาชา ถ้าแพ้แบบไม่รุนแรง (ไม่อันตราย) จะหายเองใน 1 คืนหลังฉีด หากบวมแดงนานเกิน 24 ชม. ควรมาพบแพทย์เพื่อขอรับยากินเพิ่ม

เมโสหน้าใส ราคาเท่าไหร่ ?

แต่ละคลินิกเสริมความงามจะมีสูตรเมโสหน้าใสให้เลือกแตกต่างกัน ราคาแตกต่างกันไปตามสูตร และยี่ห้อเมโสหน้าใส ซึ่งคุณหมอจะแนะนำว่าแต่ละยี่ห้อมีข้อดีอย่างไร? เหมาะกับแก้ปัญหาอะไร? เพื่อให้เราตัดสินใจ  

  • Made Collagen เหมาะกับคนที่ต้องการลดสิว ลดผื่น โดยมาเด้คอลลาเจนจะช่วยขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผิว จึงช่วยลดผิวอักเสบ ลดผื่นแพ้ ลดสิว และช่วยให้หน้าขาวใสขึ้น เป็นยี่ห้อเมโสหน้าใสที่ได้รับความนิยม 
  • Tensonez เหมาะกับคนที่ต้องการมีผิวขาว ใส ลดฝ้า 
  • Depigment เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดรอยแผลเป็น ฝ้า จุดด่างดำ  
  • Filorga เหมาะกับคนที่ต้องการมีผิวหน้าขาวใส ฉ่ำวาว ลดฝ้า กระชับรูขุมขน และลดริ้วรอยเล็ก ๆ
  • Alpha arbutin เหมาะกับคนที่ต้องการลดฝ้าโดยตรง 

ราคาฉีดเมโสหน้าใส ถือว่าไม่แพงถ้าเทียบกับผลลัพธ์และระยะเวลา ราคาจะมีทั้งแบบฉีดเป็นครั้งและฉีดเป็นคอร์ส ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกในช่วงนั้น ๆ เริ่มต้นที่ครั้งละ 2,500 บาท 

ถ้าอยากเห็นผลลัพธ์ชัดเจน คุณหมอจะแนะนำให้ฉีดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ในเดือนแรก และหลังจากนั้นฉีดทุก ๆ 2 อาทิตย์เพื่อคงสภาพผิวไว้ หรือจะซื้อแบบเป็นคอร์ส 5 ครั้งได้ เป็นโปรโมชั่นมีส่วนลดให้ เหมาะสำหรับคนที่อยากฉีดต่อเนื่อง 

ตัวยาเมโสหน้าใส

ตัวยาเมโสหน้าใส ฉีดหน้าใส 

เมโสหน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน ?

เมโสหน้าใส อยู่ได้นาน 1-2 เดือน หากฉีดอย่างสม่ำเสมอ จะอยู่ได้นานขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคนด้วยบางคนอาจจะเห็นผลไว บางคนต้องใช้เวลา ที่สำคัญคือดูแลตัวเองและไม่ทำพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การตากแดดจัด พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มแอลกอฮอลล์หรือสูบบุหรี่

สรุป

การฉีดเมโสหน้าใส ถือเป็นทางลัดในการดูแลผิว เห็นผลใน 1 สัปดาห์ ด้วยสารบำรุงและวิตามินต่าง ๆ ที่ฉีดลงในชั้นผิว สามารถเลือกได้ว่าต้องการเน้นเรื่องไหน เช่น เน้นหน้าขาวใส เน้นหน้าใส เน้นลดสิว-แก้ผื่น อีกทั้งยังช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดี เจ็บน้อย ช้ำน้อย ควรเลือกคลินิกเสริมความงามที่ฉีดเมโสหน้าใสด้วยเทคนิค 16 จุด ซึ่งจะทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้นานกว่า ถ้าเทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่า ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์เร็ว

Thank you for your Vote Rating
[Total: 0 Average: 0]