ปัญหาเกี่ยวกับใบหน้าในปัจจุบัน ล้วนเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบอย่างมาก เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ โดยคนส่วนใหญ่ยอมทุ่มเททั้งเวลาและเงินเพื่อรักษาให้หายขาด แต่บางครั้งก็อาจกลับมาเป็นอีกครั้ง เพราะฉะนั้นจึงควรต้องรู้วิธีรักษาฝ้าพร้อมทั้งแนวทางดูแลผิวอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นอีก
ฝ้าคืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร
ฝ้า หรือ Melasma เป็นภาวะผิวหนังที่เซลล์เม็ดสีใต้ชั้นผิวหนัง (เมลาโนไซต์) ทำงานผิดปกติ โดยผลิตเม็ดสีมากผิดปกติ ส่งผลให้เกิดเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลบนผิวหน้า มักพบบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก คาง ไรหนวด ซึ่งฝ้าเกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่พบได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ โดยต้องได้รับการรักษาฝ้า หากต้องการลบรอยปื้นออกไป ซึ่งฝ้าอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้
- แสงแดดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้า เพราะรังสี UV จะกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีสร้างเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝ้า
- ฮอร์โมนเพศหญิง เช่น เอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน กระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีสร้างเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝ้า โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ หรือผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด
- สืบทอดทางพันธุกรรม โดยผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวเป็นฝ้า มีโอกาสเป็นฝ้ามากกว่าคนทั่วไป
- รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาต้านมะเร็ง ยาขับปัสสาวะ ล้วนมีผลข้างเคียงที่อาจทำให้เกิดฝ้า
- ปัจจัยอื่น ๆ จากมลพิษ สารเคมี ความเครียด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ
รวมวิธีรักษาฝ้า จากการรักษาด้วยตัวเอง
โดยการรักษาฝ้าด้วยตัวเองจะเป็นวิธีรักษาฝ้าแบบธรรมชาติส่วนหนึ่ง ซึ่งการรักษาฝ้าด้วยตัวเองนั้น อาจจะไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน หรืออาจใช้เวลานาน มีวิธีที่หลากหลาย เช่น
ใช้ครีมทาฝ้ารักษา
ครีมทาฝ้าเป็นหนึ่งในวิธีรักษาฝ้าที่ได้รับความนิยม สะดวก และสามารถหาซื้อได้ง่าย แต่ต้องเลือกครีมทาฝ้าที่เหมาะสมกับผิวหน้าและประเภทของฝ้า มีค่า SPF 30 ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด ทดสอบครีมทาฝ้ากับผิวหนังบริเวณเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนใช้ และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ครีมทาฝ้า โดยเฉพาะผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีโรคประจำตัว
ใช้สกินแคร์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวรักษาฝ้า
สกินแคร์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating skincare) เป็นตัวช่วยสำคัญในการรักษาฝ้า โดยมีกลไกการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส เรียบเนียน และลบเลือนรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ เลือกสกินแคร์ที่มีเปอร์เซ็นต์ของสารผลัดเซลล์ผิวที่เหมาะกับสภาพผิว มีค่า pH ที่เหมาะสม
น้ำมะนาวสดรักษาฝ้า
น้ำมะนาวสดมีกรดซิตริก (citric acid) ที่มีความเป็นกรดสูง ซึ่งอาจช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำ แต่มีข้อจำกัดโดยน้ำมะนาวสด มีฤทธิ์กัด อาจทำให้ผิว ระคายเคือง แสงร้อน แดง ลอก แสงแดด แพ้ และไม่ได้ช่วย ยับยั้งการสร้างเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของฝ้า อีกทั้งไม่ได้เหมาะกับทุกสภาพผิว
ใบบัวบกรักษาฝ้า
ใบบัวบก (Centella asiatica) เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณหลากหลาย นิยมนำมาใช้ดูแลผิว ใบบัวบก อาจช่วยรักษาฝ้าได้ โดยช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน ยืดหยุ่น มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี มลพิษ และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบของผิว
หัวไชเท้ารักษาฝ้า
หัวไชเท้า (Raphanus sativus) เป็นพืชผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นิยมนำมาประกอบอาหาร หัวไชเท้า อาจช่วยรักษาฝ้าได้ โดยหัวไชเท้ามีวิตามินซีสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มีกรดแลคติก ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และมีสารต้านการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบของผิว
มะขามเปียกรักษาฝ้า
มะขามเปียก (Tamarindus indica) เป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว นิยมนำมาประกอบอาหาร มะขามเปียก อาจช่วยรักษาฝ้าได้ โดยมะขามเปียกมีกรด AHA ธรรมชาติ เช่น กรดแลคติก กรดซิตริก ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า มีวิตามินซีสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และมีสารต้านการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบของผิว
ว่านหางจระเข้รักษาฝ้า
ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณหลากหลาย นิยมนำมาใช้ดูแลผิว ว่านหางจระเข้ อาจช่วยรักษาฝ้าได้ โดยว่านหางจระเข้มีสาร Acemannan ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบของผิว และมีเจลใส ๆ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
แอปเปิลไซเดอร์รักษาฝ้า
แอปเปิลไซเดอร์ (Apple cider vinegar) น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล มีกรดอะซิติก (acetic acid) สูงอาจช่วยรักษาฝ้าได้ โดยกรดอะซิติกในแอปเปิลไซเดอร์ อาจช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ อาจช่วยลดการอักเสบของผิว และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
น้ำผึ้งรักษาฝ้า
น้ำผึ้ง (Honey) มีสารต้านอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน เอนไซม์ แร่ธาตุ วิตามิน อาจช่วยรักษาฝ้าได้ โดยน้ำผึ้งมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอย ฝ้า กระ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบของผิว และมีเอนไซม์ อาจช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า
ขมิ้นรักษาฝ้า
ขมิ้นชัน (Curcuma longa) พืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทางยา นิยมนำเหง้ามาใช้ ขมิ้นชันมีสารเคอร์คูมิน (Curcumin) อาจช่วยรักษาฝ้าได้ โดยสารเคอร์คูมินในขมิ้นชันมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอย ฝ้า กระ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบของผิว และช่วยยับยั้งการสร้างเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า
รวมวิธีรักษาฝ้า โดยรักษาทางการแพทย์
หากต้องการการรักษาฝ้าที่มีประสิทธิภาพ ควรใช้วิธีรักษาทางการแพทย์ ตัวอย่างเช่น
การทำเลเซอร์รักษาฝ้า
การทำเลเซอร์ฝ้า เป็นวิธีการรักษาฝ้าที่ได้รับความนิยม โดยแพทย์จะใช้แสงเลเซอร์ยิงไปยังบริเวณที่มีฝ้า เพื่อทำลายเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า ผลลัพธ์ คือ ฝ้าจะจางลง ผิวหน้า กระจ่างใส เรียบเนียนขึ้น
การฉีดเมโสรักษาฝ้า
การฉีดเมโส เป็นวิธีการรักษาฝ้าที่ได้รับความนิยม โดยแพทย์จะฉีดสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ เข้าไปใต้ชั้นผิว บริเวณที่มีฝ้า เพื่อฟื้นฟูผิว บำรุงผิว ลดการสร้างเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า
การฉีดมาเด้คอลลาเจนรักษาฝ้า
การฉีดมาเด้คอลลาเจน (Made Collagen) เป็นวิธีการรักษาฝ้าที่ได้รับความนิยม โดยแพทย์จะฉีดสารมาเด้คอลลาเจนเข้าไปใต้ชั้นผิว บริเวณ ที่มีฝ้า เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ในชั้นผิว ช่วยให้ผิว กระชับ เต่งตึง เรียบเนียนขึ้น ลบเลือนริ้วรอย ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
IPL รักษาฝ้า
IPL (Intense Pulsed Light) เป็นเทคโนโลยี การใช้แสงความเข้มข้นสูง ความยาวคลื่นหลากหลาย ยิงไปยังผิว เพื่อรักษาปัญหาฝ้า กระ ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง
กรอผิวรักษาฝ้า
การกรอผิว เป็นวิธีการผลัดเซลล์ผิว โดยใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ขัดถู หรือ ดูดเซลล์ผิวชั้นนอกออกเพื่อกระตุ้นให้ เซลล์ผิวใหม่ ขึ้นมาทดแทน ผลลัพธ์ คือ ผิวหน้า กระจ่างใส เรียบเนียนขึ้น รอยฝ้า กระ จุดด่างดำจางลง
ยารักษาฝ้า
ปัจจุบันมี ยารักษาฝ้า หลายชนิด แต่ละชนิด มีกลไกการออกฤทธิ์ และวิธีใช้ที่แตกต่างกัน
รวมวิธีป้องกันและดูแลหลังเกิดฝ้า
วิธีป้องกันและดูแลหลังเกิดฝ้า สามารถทำได้ก่อนและหลังรักษาฝ้า ตัวอย่างเช่น
หลีกเลี่ยงแสงแดดและแสงสีฟ้าเพื่อรักษาฝ้า
แสงแดด และแสงสีฟ้า เป็นสาเหตุสำคัญ ของการเกิดฝ้า เพราะฉะนั้นการหลีกเลี่ยงแสงแดด และแสงสีฟ้า จึงเป็นวิธีสำคัญในการป้องกัน และรักษาฝ้า
การทาครีมกันแดดสม่ำเสมอเพื่อรักษาฝ้า
รังสียูวี จากแสงแดด ไปกระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ ผลิตเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้เกิด ฝ้า กระ จุดด่างดำ บนใบหน้า การทาครีมกันแดด เป็นประจำทุกวัน จึงเป็นวิธี ที่สำคัญที่สุด ในการป้องกัน และรักษาฝ้า
บำรุงผิวด้วยสกินแคร์เพื่อรักษาฝ้า
การบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สำคัญในการรักษาฝ้า สกินแคร์บางชนิดมีส่วนผสม ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ยับยั้งการสร้างเมลานิน และบำรุงผิว ซึ่งจะช่วยให้ฝ้าจางลง และผิวกระจ่างใสเรียบเนียนขึ้น
สรุปเกี่ยวกับการรักษาฝ้า
การรักษาฝ้า เป็นการตัดสินใจที่สำคัญ ผู้ใช้บริการจึงต้องมีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการรักษาฝ้าให้ถูกต้องทั้งการรักษาด้วยตัวเอง และใช้เครื่องมือทางการแพทย์ รวมถึงวิธีป้องกันและดูแลหลังเกิดฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ