เคยไหม? ส่องกระจกแล้วเจอจุดรอยด่างดำบนใบหน้า รู้สึกไม่มั่นใจ อยากลบรอยเหล่านั้นออกไป ฝ้าคือปัญหาผิวที่พบบ่อย โดยเฉพาะในผู้หญิงมีผิวสีแทนหรือสีเข้มสร้างความรำคาญใจบดบังความงามบนใบหน้า ฝ้า ไม่ใช่แค่รอยด่างดำ แต่เป็นปัญหาผิวที่อาจส่งผลต่อสุขภาพจิต ทำให้ขาดความมั่นใจ
บทความนี้จะพาไปรู้จักกับฝ้า ลักษณะของฝ้า สาเหตุ หน้าเป็นฝ้าวิธีป้องกันและรักษาฝ้า กระ เพื่อให้มีใบหน้าที่สดใสไร้รอยฝ้า ไปดูพร้อมกันเลย
ลักษณะของฝ้า มีกี่ชนิดและสาเหตุการเกิด
ฝ้าคือรอยจุดด่างดำบนใบหน้า เกิดจากการสะสมของเมลานินใต้ชั้นผิวหนัง พบได้บ่อยในผู้หญิงมีผิวสีแทนหรือสีเข้ม มักเกิดบริเวณใบหน้า ลำคอ หรือแขน ฝ้ามีหลายชนิด แต่ละชนิดมีลักษณะและสาเหตุแตกต่างกัน ดังนี้
- ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma): จะมีสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีเทาดำ เกิดกระจายเป็นจุด ๆ อยู่ทั่วใบหน้า มักพบเป็นฝ้าที่แก้ม ฝ้าที่หน้าผาก จมูก อาจเกิดจากแสงแดด ฮอร์โมนและใช้ยาบางชนิด
- ฝ้าลึก (Dermal Melasma): มักมีสีน้ำตาลอ่อน สีเทา สีเทาอมฟ้า รูปร่างกระจายเป็นแผ่น กว้าง มักพบมากบริเวณโหนกแก้ม อาจเกิดจากพันธุกรรม ฮอร์โมน หรือการใช้ยาบางชนิด ทำให้เกิดฝ้าฮอร์โมนได้
- ฝ้าผสม (Mixed Melasma): มีทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึกผสมกัน พบฝ้าตรงโหนกแก้ม เกิดจากหลายสาเหตุ ร่วมกัน
- ฝ้าแดด (Melasma) เป็นรอยด่างดำบนใบหน้า เกิดจากการสะสมของเมลานินใต้ชั้นผิวหนัง มีสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม พบฝ้าตรงโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก คาง กระจายเป็นแผ่น
ขอบเขตอาจชัดเจน หรือไม่ชัดเจนได้
- ฝ้ากระ (Freckles) คือ จุดด่างดำบนผิวหน้า หรือบริเวณถูกแสงแดดบ่อย ๆ มักมีสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม เกิดจากการสะสมของเมลานิน (Melanin) ใต้ชั้นหนังกำพร้า มักพบในผู้หญิงที่มีผิวขาว
- ฝ้าเลือด (Telangiectatic Melasma) พบฝ้าตรงโหนกแก้ม ฝ้าที่หน้าผาก จมูก มีสีแดง สีชมพู หรือสีน้ำตาลแดง เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า ส่งผลให้เส้นเลือดฝอยแตกแขนงหรือมีเลือดกระจุกบริเวณพังผืดใต้ผิวหนังชั้นลึก
วิธีแยกฝ้ากับกระแยกจากอะไรได้บ้าง
ฝ้าและกระ เป็นปัญหาผิวพบบ่อย มักทำให้สับสนว่าเป็นอะไรกันแน่ ทั้งสองมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่มีความแตกต่างบางประการ ดังนี้
สี:
- ฝ้า: มักมีสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม อาจมีเฉดสีไม่สม่ำเสมอ บางจุดอาจมีสีเข้มกว่าบางจุด
- กระ: มักมีสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเทา หรือสีน้ำตาลแดง มักมีสีสม่ำเสมอ
ตำแหน่ง:
- ฝ้า: พบมากบริเวณโหนกแก้ม ฝ้าที่หน้า จมูก คาง
- กระ: พบมากบริเวณใบหน้า ลำคอ แขน ไหล่
รูปร่าง:
- ฝ้า: มักกระจายเป็นแผ่น ขอบเขตอาจชัดเจน หรือไม่ชัดเจน
- กระ: มักเป็นจุดกลม ๆ ขอบเขตชัดเจน
สาเหตุ:
- ฝ้า: เกิดจากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม แสงแดด ฮอร์โมนเพศหญิง ยา ความเครียด การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
- กระ: เกิดจากพันธุกรรมและแสงแดด
ปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดฝ้า
ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้า มีดังนี้
- แสงแดด: แสงแดด โดยเฉพาะรังสียูวีเอ (UVA) เป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้เกิดฝ้า รังสียูวีเอจะไปกระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ผลิตเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ
- พันธุกรรม: บุคคลมีพันธุกรรมผิวแพ้ง่าย มักมีโอกาสเกิดฝ้าได้ง่ายกว่าบุคคลทั่วไป
- ฮอร์โมน: ฮอร์โมนเพศหญิง เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน กระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ผลิตเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝ้า โดยเฉพาะในผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้หญิงรับประทานยาคุมกำเนิด
- ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยากันชัก ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาต้านมะเร็ง กระตุ้นให้เซลล์
เมลาโนไซต์ผลิตเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝ้า กระ - ความเครียด: ความเครียดส่งผลต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย กระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ผลิตเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝ้า
- การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย กระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ผลิตเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝ้า
ฝ้าปัญหาผิวหน้าที่กวนใจ รักษาได้อย่างไร?
ฝ้าเป็นปัญหาผิวหน้าพบได้บ่อย เกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ลำคอ หรือแขน โดยเฉพาะผู้หญิงมีผิวสีแทนหรือสีเข้ม มีโอกาสเป็นฝ้าได้ง่ายกว่าผู้มีผิวขาว
การรักษาฝ้าสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีรักษาฝ้าให้หายขาดนั้นทำได้ยาก
วิธีการรักษาฝ้า ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
- ป้องกันแสงแดด: สิ่งสำคัญคือการป้องกันแสงแดด ควรทาครีมกันแดดมีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวันก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาที หรือสวมหมวก ร่ม แว่นกันแดด
- ใช้ครีมทาฝ้า: ครีมทาฝ้ามีหลายชนิด แต่ละชนิดมีกลไกการออกฤทธิ์และเหมาะกับชนิดของฝ้าแตกต่างกัน หรือใช้เซรั่มลดฝ้า
- รักษาด้วยเลเซอร์: เลเซอร์ช่วยลดเลือนรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ
- รักษาด้วยยา: ยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มไฮโดรควินอน กรดอะเซลาอิก
- รักษาด้วยสมุนไพร: รักษาฝ้าด้วยตัวเอง โดยใช้สมุนไพรบางชนิด เช่น มะขามเปียก ขมิ้นชัน
วิธีเหมาะสมกับการรักษาฝ้าคือเลือกใช้ครีมทาฝ้าให้เหมาะสมกับผิว หรือชนิดของฝ้า ดังนี้
- ชนิดของฝ้า: ฝ้ามีหลายชนิด แต่ละชนิดมีกลไกการเกิดแตกต่างกัน
- ฝ้าตื้น: มีสีน้ำตาลอ่อน กระจายอยู่ทั่วใบหน้า
- ฝ้าลึก: มีสีน้ำตาลเข้ม กระจุกตัวเป็นหย่อมๆ
- ฝ้าผสม: มีทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึก
ประเภทของผิว:
- ผิวแห้ง: ควรเลือกครีมทาฝ้า มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น
- ผิวมัน: ควรเลือกครีมทาฝ้า มีเนื้อบางเบา
- ผิวแพ้ง่าย: ควรเลือกครีมทาฝ้า มีส่วนผสมอ่อนโยน
ฝ้าแก้ไขยาก แต่สามารถปกป้องได้ด้วยวิธีที่ถูกต้อง
การป้องกันฝ้าดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดฝ้าได้แก่ แสงแดด ฮอร์โมนเพศหญิง ยา ความเครียด และการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
วิธีการป้องกันผิวจากฝ้า
- ป้องกันแสงแดด: ทาครีมกันแดดมีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวันก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาที เลือกครีมกันแดดมีสเปกตรัมกว้าง ปกป้องแสงแดดทั้ง UVA และ UVB ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือหลังจากเหงื่อออก ว่ายน้ำ หรือเช็ดหน้า หรือสวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด และเสื้อผ้ามิดชิด เมื่ออยู่กลางแจ้ง
- ควบคุมฮอร์โมนเพศหญิง: ผู้หญิงทานยาคุมกำเนิดฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหาแนวทางป้องกันฝ้า หรือผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนหาแนวทางรักษาฮอร์โมนทดแทน
- หลีกเลี่ยงยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาต้านมะเร็ง ยาแก้ปวด ยาคุมกำเนิด อาจกระตุ้นให้เกิดฝ้า กระ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
- ควบคุมความเครียด: ฝึกสมาธิ โยคะ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยลดความเครียด
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลา
- ดูแลผิวหน้า: ล้างหน้าเช้า-เย็นด้วยสบู่อ่อนโยน ทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิว โดยหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวหน้าแรง ๆและหลีกเลี่ยงสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ
- ทานอาหารมีประโยชน์: ทานผัก ผลไม้มีวิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน ทานอาหารมีใยอาหารสูงและดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
- ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง: เพื่อหาแนวทางป้องกันฝ้าให้เหมาะสมกับสภาพผิว หรือเพื่อรักษาฝ้าที่มีอยู่
การป้องกันฝ้าต้องทำอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการรักษาฝ้าจะค่อย ๆ จางลง ผิวขาวใสขึ้น สุขภาพดี
สรุปเกี่ยวกับฝ้า
ฝ้า เกิดจากการผลิตเมลานินผิดปกติ ส่งผลให้เกิดจุดด่างดำหรือรอยคล้ำบนผิว ลักษณะของฝ้ามีสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม พบมากบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก คาง กระจายเป็นแผ่น หรือเป็นจุด ๆ เกิดจากหลายสาเหตุ ฝ้าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถลบเลือนรอยฝ้าให้จางลง ทาครีมกันแดดเป็นประจำหรือใช้เซรั่มลดฝ้า สามารถช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ