ในปัจจุบันที่ผู้คนมักจะให้ความสนใจในรูปลักษณ์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า การแต่งตัวด้วยชุดที่โชว์รูปร่างมากขึ้น ทำให้ผู้คนบางส่วนไม่พอใจกับรูปร่างตนเอง และนั่นทำให้ผู้คนกลุ่มนั้นมองหาวิธีที่จะช่วยทำให้รูปร่างของตนเรียวสวยโดยเร็ว ซึ่งการดูดไขมันหน้าท้องนั้นจะเป็นวิธีรักษาที่ช่วยได้
แต่ก็มีผู้คนบางกลุ่มที่เข้าใจว่าการดูดไขมันหน้าท้องนั้นนอกจากจะช่วยทำให้มีรูปร่างดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการรักษาที่ช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย ซึ่งความคิดเหล่านั้นจะถูกต้องหรือไม่ ในวันนี้จะมาให้ความรู้ข้อมูลที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับการดูดไขมัน
ดูดไขมันหน้าท้อง เสกเอวเอส
ดูดไขมันหน้าท้อง (Abdominal Liposuction) คือ การกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่บริเวณหน้าท้องออกจากร่างกายเพื่อแก้ปัญหาหน้าท้องยื่น หย่อน ให้ร่างกายกลับมามีส่วนเว้า ท้องแบนเรียบ ดูกระชับมากขึ้น อีกทั้งการดูดไขมันหน้าท้องยังช่วยปรับร่างกายส่วนอื่น เช่น เอว แขน ขา ให้มีรูปร่างตามความต้องการได้อีกด้วย
ดูดไขมันหน้าท้อง ช่วยอะไรบ้าง
การดูดไขมันหน้าท้องจะช่วยได้ดังต่อไปนี้
- ช่วยสลายไขมันส่วนเกินที่อยู่ภายในร่างกายออกไป ช่วยสร้างส่วนเว้าส่วนโค้งตามที่ต้องการ รวมถึงช่วยกระชับส่วนอื่น ๆ ในร่างกายได้ด้วย
- ช่วยสร้างรูปร่างตามอุดมคติ เช่น ดูดไขมันเอวเอส ดูดไขมันสร้างซิกแพค โดยที่มีรอยแผลเล็กมากจนแทบไม่เห็น
- ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตนเองเพิ่มมากขึ้น
- ช่วยทำให้สวมใส่เสื้อผ้าได้หลายไซส์ หลายแบบได้มากขึ้น
เครื่องดูดไขมันหน้าท้องมีกี่แบบ
1. เครื่องดูดไขมัน Vaser
Vaser เป็นเครื่องดูดไขมันที่ใช้พลังคลื่นเสียงอัลตร้างซาวด์สร้างพลังความร้อนขึ้นมาเพื่อใช้สลายไขมันที่อยู่ตามหน้าท้อง โดยจะช่วยสลายเซลล์ไขมันได้ดีมาก สามารถดูดไขมันหน้าท้องออกจากร่างกายได้เยอะ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีขนาดร่างกายใหญ่หรือมีชั้นไขมันในร่างกายเยอะ
2. เครื่องดูดไขมัน Ultra Z
Ultra Z เป็นเครื่องดูดไขมันที่ใช้พลังความร้อนจากคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์สลายไขมัน โดยเครื่องดูดไขมันนี้จะใช้พลังงานไม่เยอะมาก แต่สามารถสลายไขมันในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีขนาดตัวเล็ก มีไขมันที่ต้องการดูดไม่เยอะ
3. เครื่องดูดไขมัน body-jet
body-jet เป็นเครื่องดูดไขมันที่ใช้พลังน้ำในการสลายไขมัน โดยเมื่อใช้เครื่องดูดไขมันแล้วจะไม่ค่อยรู้สึกเจ็บ และใช้เวลาพักฟื้นร่างกายน้อย และสำหรับผู้ที่ต้องการไขมันไปเติมเต็มส่วนอื่นในร่างกาย เช่น บริเวณหน้า หน้าอก ก้น ก็สามารถใช้เครื่องดูดไขมันนี้ได้ด้วยเช่นกัน
4. เครื่องดูดไขมัน MicroAire PAL
MicroAire PAL เป็นเครื่องดูดไขมันที่มีชื่อเสียงในอเมริกาเป็นอย่างมาก มีหัวดูดไขมันหลายประเภทซึ่งจะใช้ดูดไขมันบริเวณที่เข้าถึงยากอย่างท้องส่วนบน แผ่นหลัง น่องขาได้ ทำให้รูปร่างเป๊ะในทุกสัดส่วนมากขึ้น เช่น เอวเอส ขาเรียว สร้างซิกแพคที่ดูเรียงตัวสวยงามราวกับผู้ที่มีสุขภาพดี ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
5. เครื่องดูดไขมัน Body Tite
Body Tite เป็นเครื่องดูดไขมันที่ใช้กำจัดไขมันส่วนเกิน โดยเน้นสลายไขมันบริเวณจุดหน้าท้องที่มีความหย่อนยานเป็นพิเศษ อีกทั้งตัวเครื่องจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนภายใต้ผิว ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความกระชับให้กับหน้าท้องและหมดปัญหาผิวหย่อนยานได้
การดูดไขมันหน้าท้องในผู้ชาย
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ก็ล้วนอยากมีรูปร่างร่างกายในอุดมคติของตนเอง ดังนั้นสำหรับผู้ชายก็สามารถดูดไขมันเพื่อปรับร่างกายได้ด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากผู้ชายมีการแพคตัวเซลล์ไขมันแน่นกว่าผู้หญิง จึงควรใช้เครื่องดูดไขมันพลังงานสูง เข่น เครื่องดูดไขมันเวเซอร์ เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตามการดูดไขมันหน้าท้องผู้ชายนั้นไม่ใช่ว่าจะสามารถทำได้ทุกคน ดังนั้นในกรณีที่ต้องการดูดไขมันหน้าท้อง ควรปรึกษากับทางแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษาเพื่อความมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยของร่างกาย
ข้อควรรู้ก่อนดูดไขมันหน้าท้อง
ก่อนที่จะเข้ารับการรักษานั้นจะต้องทราบก่อนว่าโครงสร้างหน้าท้องจะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนข้างนอกสุด คือ ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง กล้ามเนื้อหน้าท้อง และ ไขมันช่องท้อง ตามลำดับ
โดยในที่นี้จะขอกล่าวถึงไขมันหน้าท้องในส่วนของใต้ชั้นผิวหนัง และในช่องท้อง ดังนี้
- ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (Subcutaneous Fat) คือ ไขมันที่ติดอยู่กับผิวหนัง ซึ่งจะทำให้เกิดพุงยื่น ป่อง แต่ไม่เป็นอันตรายและสามารถดูดไขมันส่วนนี้ออกไปได้
- ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) คือ ไขมันที่ติดอยู่กับอวัยวะในร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่สามารถดูดไขมันออกไปได้ โดยจะสลายได้ก็ต่อเมื่อร่างกายเกิดการเผาผลาญเอง
นั่นหมายความว่า การดูดไขมันหน้าท้องนั้นไม่สามารถใช้ได้ผลกับทุกคน โดยจะไม่สามารถดูดไขมันหน้าท้องบริเวณช่องท้องที่ติดอยู่กับอวัยวะในร่างกายได้นั่นเอง
ใครบ้างที่ไม่ควรเข้ารับการดูดไขมันหน้าท้อง
ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาทางแพทย์จะประเมินสภาพร่างกายของผู้เข้ารับการรักษาก่อน เนื่องจากการรักษานั้นนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการผ่าตัด ซึ่งจะมีความเสี่ยงที่อาจผลข้างเคียงขึ้นระหว่างการรักษา โดยเกณฑ์ที่แพทย์จะพิจารณาว่าไม่ควรดูดไขมันจะมีดังนี้
- ผู้ที่มีค่า BMI (ดัชนีมวลกาย) เกิน 25 ซึ่งนับว่าเป็นค่าที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นในกรณีที่ต้องการลดน้ำหนักควรออกกำลังกายไปพร้อม ๆ กับการควบคุมอาหารให้ค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติก่อนเข้ารับการรักษา
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันที่เกิดจากไขมันช่องท้อง เนื่องจากไขมันในส่วนนี้อยู่ติดกับอวัยวะและอาจมีความเสี่ยงที่อุปกรณ์การรักษาทำอันตรายกับอวัยวะได้
- ผู้ที่มีระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ เนื่องจากในระหว่างการดูดไขมันอาจมีอาการช็อกได้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันหน้าท้อง
- ศึกษาข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการดูดไขมันหน้าท้อง ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงของอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังจากเข้ารับการรักษา
- หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เข้ารับการรักษา โดยสถานที่นั้น ๆ ต้องได้รับมาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้รักษา มีความน่าเชื่อถือ
- พบแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษา โดยในกรณีที่มีข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับการรักษา ต้องถามให้เข้าใจก่อน แล้วจึงพิจารณาว่าจะเข้ารับการรักษาหรือไม่
- หลังจากตัดสินใจเข้ารับการรักษาแล้ว ก่อนรักษาควรแจ้งประวัติการแพ้ยา รวมถึงประวัติการใช้ยากับทางแพทย์ เนื่องจากยาบางประเภทมีผลต่อการรักษา เช่น ยาแอสไพริน หรือยาแก้ปวดบางตัว
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ก่อนเข้ารับการรักษา
- งดอาหารบางประเภทที่ทำให้เลือดออกง่ายอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการรักษา เช่น น้ำมันตับปลา น้ำมันปลา วิตามินซี
ขั้นตอนการดูดไขมันหน้าท้อง
- พบแพทย์เพื่อปรึกษา และประเมินสภาพร่างกายก่อนเข้ารับการดูดไขมันหน้าท้อง
- เมื่อแพทย์ประเมินแล้วว่าสามารถดูดไขมันได้ ก็จะทำการวัดสัดส่วน Mark ตำแหน่ง และถ่ายบริเวณที่ต้องการดูดไขมัน
- ทำความสะอาดทั้งบริเวณที่ต้องการดูดไขมันและบริเวณใกล้เคียง แล้วแพทย์จะฉีดยาชาบริเวณที่เปิดแผล
- เปิดแผลขนาด 0.2-0.5 มม. และใส่ Tumescent หรือสารละลายน้ำเกลือเข้าไปในชั้นไขมันเพื่อทำให้การสลายไขมันเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
- ดูดไขมันหน้าท้องออกมาโดยวิธีเทคนิคที่ใช้จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่เลือกใช้รักษา
- เย็บปิดปากแผลหลังจากดูดไขมันออกมาเรียบร้อยแล้ว
- หลังจากดูดไขมันแล้ว 7 วัน แพทย์จะนัดเพื่อตัดไหม และหลังจากดูดไขมันแล้ว 14 วัน แพทย์จะนัดมาทำการกระชับผิว และเลเซอร์ลดบวม เพื่อให้การรักษาประสบความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมันหน้าท้อง
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าการดูดไขมันหน้าท้องพักฟื้นกี่วัน นั้นจะขึ้นอยู่กับการดูแลร่างกายของผู้เข้ารับการรักษา ถ้าต้องการให้รูปร่างเข้าที่โดยไวนั้น หลังดูดไขมันหน้าท้องแล้วจะต้องดูแลตัวเองโดย
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1-2 ลิตร ในกรณีที่รู้สึกอ่อนเพลียสามารถดื่มเกลือแร่ได้ แต่ไม่ควรดื่มเยอะจนเกินไป
- ทำความสะอาดแผลทุกวัน โดยระวังไม่ให้แผลเปียกชื้น ในกรณีที่แผลเปียกให้เปลี่ยนผ้าก็อชใหม่ทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ
- สวมใส่ชุดที่กระชับหน้าท้อง 18-20 ชั่วโมงต่อวัน และปลดผ้าเพื่อไม่ให้เกิดแผลกดทับ 30-60 นาที ทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง
- รับประทานที่มีประโยชน์เน้นกลุ่มโปรตีน และหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม อาหารทะเล อาหารที่มีน้ำตาลสูง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- งดยาและวิตามินที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- ปฏิบัติตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และมาตามนัดแพทย์อย่างต่อเนื่อง
- กรณีที่ร่างกายมีอาการผิดปกติหลังดูดไขมัน เช่น ไข้สูง แผลบวมร้อน คลื่นไส้อาเจียน มีแผลจากการใส่ชุดกระชับให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อรักษาทันที
อาการที่อาจเกิดหลังดูดไขมันหน้าท้อง
หลังจากดูดไขมันหน้าท้องข้อเสีย คือ อาจจะพบอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ ดังนี้
- อาการปวดหัว วิงเวียนศีรษะ เนื่องด้วยผลข้างเคียงจากยาชา หรือการเสียน้ำระหว่างดูดไขมัน
- ปวดระบบตามร่างกาย เพราะการดูดไขมันจะไปกระทบกระเทือนเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง แต่อาการปวดนั้นจะค่อย ๆ หายไปใน 1 สัปดาห์
- อาการบวม โดยร่างกายอาจเกิดอาการบวมจากการอักเสบ หรือบวมน้ำ ซึ่งมักจะพบมากในผู้ที่ใช้เครื่องดูดไขมันแบบพลังน้ำ โดยอาการบวมจะค่อย ๆ หายและกลับมาเป็นปกติใน 3-4 เดือน
- อาการฟกช้ำ ซึ่งเกิดจากการรักษา ซึ่งเป็นอาการที่ไม่จำเป็นต้องประคบบริเวณที่ฟกช้ำ แต่จะค่อย ๆ หายไปจนเป็นปกติในระยะเวลาไม่นาน
ดูดไขมันหน้าท้อง ราคาเท่าไหร่
สำหรับผู้ที่สนใจสลายไขมันในร่างกาย โดยส่วนมากแล้วดูดไขมันหน้าท้องราคาจะไม่สูงมากขึ้นอยู่กับเครื่องที่ใช้สลายไขมัน อย่างเช่นกรณีของทาง Amara Clinic จะดูดไขมันหน้าท้องทั้งบนและล่างด้วยเครื่อง Ultra Z, Vaser Smooth 2.2 ราคาเริ่มต้นที่ 25,000 บาท หรือในกรณีที่ต้องการใช้เครื่องชนิดอื่น เช่น body-jet ก็จะมีราคาสูงขึ้นตาม
คำถามเกี่ยวกับการดูดไขมันหน้าท้อง
ก่อนดูดไขมันหน้าท้องต้องวางยาสลบไหม?
ในระหว่างการดูดไขมันหน้าท้องนั้นไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ แต่ผู้เข้ารับการรักษานั้นสามารถเลือกวางยาสลบระหว่างการดูดไขมันตามความต้องการของตนเองได้ ดังนั้นสำหรับผู้ที่กังวลว่าดูดไขมันเจ็บไหม สามารถเลือกวางยาสลบได้แต่สภาพร่างกายต้องพร้อม และต้องได้รับความยินยอมจากทางแพทย์
ดูดไขมันหน้าท้อง น้ำหนักลดไหม?
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงสงสัยว่าดูดไขมันจะช่วยทำให้น้ำหนักลดลงหรือไม่? หลังจากการดูดไขมันออกจากร่างกายแล้วน้ำหนักภายในร่างกายจะลดประมาณ 1-2 กิโลกรัมเท่านั้น เนื่องจากไขมันในร่างกายมีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับกล้ามเนื้อและกระดูก และหลังจากที่ทานอาหารเข้าร่างกายแล้วก็จะกลับมีน้ำหนักคงเดิม
กล่าวได้ว่าการดูดไขมันนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ทำให้น้ำหนักลดลง แต่มีจุดประสงค์เพื่อสลายไขมันส่วนเกินในร่างกายออกไปเพื่อให้ร่างกายดูกระชับมากขึ้น เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักด้วยจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้น้ำหนักลดลง
ข้อสรุป
การดูดไขมันหน้าท้อง เป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในร่างกายออกไป โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อทำให้มีหุ่นรูปร่างกระชับตามความต้องการ ไม่ใช่เพื่อลดน้ำหนักอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ อีกทั้งการรักษาก็จะมีข้อจำกัดที่ทำให้ผู้คนบางกลุ่มไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้
ดังนั้นก่อนเข้ารับการดูดไขมันหน้าท้องควรศึกษาข้อมูล และเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์เพื่อเตรียมตัวก่อนรักษา และหลังจากรักษาควรดูแลร่างกายและปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังเข้ารับการรักษา