บางคนอาจจะเคยประสบปัญหาบางอย่างระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นถุงยางอนามัยขาด หรือลืมกินยาคุมกำเนิด ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า อาจจะตั้งครรภ์ขึ้นมา จึงจำเป็นต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งเปรียบเสมือนตัวช่วยในยามวิกฤต แล้วยาคุมฉุกเฉินคืออะไร มีกระบวนการทำงานอย่างไร ยาคุมฉุกเฉินกินยังไง ยาคุมฉุกเฉินกินภายในกี่ชั่วโมง ภายใน 1 เดือน ยาคุมฉุกเฉินกินได้กี่ครั้ง บทความนี้ ได้รวบรวมคำตอบไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
ยาคุมฉุกเฉินมีกระบวนการออกฤทธิ์อย่างไร
ยาคุมฉุกเฉิน หรือ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เป็นยาที่มีปริมาณฮอร์โมนสูง ใช้สำหรับรับประทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ หลังกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว ยาจะมีกลไกการออกฤทธิ์หลัก 3 ประการ ดังนี้
- รบกวนหรือชะลอการตกไข่ โดยยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Levonorgestrel) จะไปรบกวนการทำงานของต่อมใต้สมอง ทำให้ร่างกายไม่ผลิตฮอร์โมน LH (Luteinizing hormone) ซึ่งมีหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการตกไข่ ดังนั้น เมื่อไม่มีการตกไข่ โอกาสที่ไข่จะได้รับการผสมกับอสุจิก็จะลดลง
- เปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูกให้ไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว โดยการกินยาคุมฉุกเฉินจะไปทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง จึงไม่เอื้อต่อการฝังตัวของตัวอ่อน
- อาจส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว
ทั้งนี้ ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อรับประทานภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์ หลังจากนั้น ประสิทธิภาพจะลดลงตามเวลา และที่สำคัญ คือ ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกัน การตั้งครรภ์ได้ 100%
ยาคุมฉุกเฉิน เหมาะสำหรับใคร
ยาคุมฉุกเฉิน เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้การคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ผิดพลาด เช่น
- มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือไม่ได้ใช้วิธีคุมกำเนิดใด ๆ เลย เช่น ไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย, ไม่ได้ทานยาคุมกำเนิด, ไม่ได้ใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด หรือไม่ได้ใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่น ๆ
- การคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ผิดพลาด เช่น ถุงยางอนามัยรั่ว ฉีกขาด หรือใส่ไม่ถูกวิธี ลืมทานยาคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิดหลุด หรือใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่น ๆ ไม่ถูกต้อง
รวมถึงตัวอย่างสถานการณ์ที่เหมาะสมกับการใช้ยาคุมฉุกเฉิน เช่น
- มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกโดยไม่ได้ป้องกัน
- ถุงยางอนามัยรั่วหรือฉีกขาดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- ลืมทานยาคุมกำเนิด 1 เม็ดขึ้นไป
- แผ่นแปะคุมกำเนิดหลุดออกไปมากกว่า 12 ชั่วโมง
- มีเพศสัมพันธ์แบบไม่เต็มใจ (ถูกข่มขืน)
วิธีการกินยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้องและเหมาะสม
สำหรับวิธีการกินยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้องและเหมาะสม ก่อนอื่น ต้องทราบก่อนว่า ยาคุมฉุกเฉินมี 2 ชนิด ได้แก่
- ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Levonorgestrel 0.75 มก.)
- ทานยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง
- เม็ดแรกควรทานโดยเร็วที่สุด หลังมีเพศสัมพันธ์ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง (3 วัน)
- เม็ดที่สองทานหลังจากทานเม็ดแรก 12 ชั่วโมง
- ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนรวม (Ethinyl estradiol 30 mcg + Levonorgestrel 150 mcg) เป็นยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด โดยทานให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง (3 วัน)
สามารถกินยาคุมฉุกเฉินพร้อมอาหารหรือน้ำเปล่า แล้วกลืนยาด้วยน้ำ 1 แก้ว ไม่ควรบด เคี้ยว หรือละลายยา แต่ทั้งนี้ มีข้อควรระวัง ดังนี้
- ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีคุมกำเนิดหลัก
- สำหรับคำถามที่ว่า ยาคุมฉุกเฉินห้ามกินเกินกี่ครั้ง โดยไม่ควรใช้ยาเกิน 4 เม็ด หรือ 2 กล่องต่อเดือน
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาหากมีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ โรคลมชัก
- ยาคุมฉุกเฉิน ไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาคุมฉุกเฉิน
ยาคุมฉุกเฉินมีข้อดีอย่างไร
ยาคุมฉุกเฉินมีข้อดีหลายประการ ดังนี้
- ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูง โดยเฉพาะหากใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดี่ยวมีประสิทธิภาพประมาณ 85% และชนิดฮอร์โมนรวมมีประสิทธิภาพประมาณ 95%
- สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
- ยาคุมฉุกเฉินใช้ทานง่าย เพียงทานตามวิธีที่ระบุบนฉลาก
- ผลข้างเคียงยาคุมฉุกเฉินน้อยกว่ายาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนชนิดอื่น ๆ
- ยาคุมฉุกเฉินเหมาะสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ลืมทานยาคุมกำเนิด ถุงยางอนามัยรั่ว หรือถูกข่มขืน
มียาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดหรือไม่
ในประเทศไทย มียาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด เป็นชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Levonorgestrel 0.75 มก.) จะต้องรับประทานโดยเร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง (3 วัน) มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ 85% และยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียวมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนรวม
ยาคุมฉุกเฉินมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
บางรายอาจจะมีอาการหลังกินยาคุมฉุกเฉิน หรือที่เรียกว่า ผลข้างเคียงยาคุมฉุกเฉิน แต่ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้ว ยาคุมฉุกเฉินมีผลข้างเคียงน้อย แต่ผู้หญิงบางรายอาจพบผลข้างเคียงดังนี้
- ผลข้างเคียงยาคุมฉุกเฉินที่พบบ่อย
- อาการคลื่นไส้ อาเจียน มักเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังกินยาคุมฉุกเฉิน
- อาการปวดท้อง มักรู้สึกคล้ายกับอาการปวดท้องประจำเดือน
- อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยหลังหลังกินยาคุมฉุกเฉิน 1 – 2 สัปดาห์
- อาจรู้สึกปวดศีรษะหรืออ่อนเพลียหลังทานยาคุมฉุกเฉิน
- ผลข้างเคียงยาคุมฉุกเฉินที่พบได้น้อย
- อาจรู้สึกคัดตึงเต้านม
- อาจรู้สึกอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด หรือซึมเศร้า
- อาจรู้สึกเวียนหัว
- อาจเกิดผื่นแพ้
ทั้งนี้ หากอาเจียนภายใน 1 ชั่วโมงหลังกินยาคุมฉุกเฉิน ควรทานยาใหม่ หรืออย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาคุมฉุกเฉิน
สรุปเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน
ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้สำหรับรับประทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีการทำงาน คือ ชะลอการตกไข่, ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง หรือส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว เหมาะสำหรับการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน หรือการคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ผิดพลาด เช่น ถุงยางอนามัยรั่ว ฉีกขาด ลืมทานยาคุมกำเนิด
สำหรับวิธีกินยาคุมฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรทานภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ โดยยาคุมฉุกเฉินมีข้อดี คือ หาซื้อได้ง่าย ใช้สะดวก โดยมีทั้งยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดและ 2 เม็ด รวมถึงผลข้างเคียงยาคุมฉุกเฉินที่มักพบบ่อย คือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน แต่ทั้งนี้ ควรใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ควรใช้แทนยาคุมกำเนิดแบบปกติ และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา