เรื่องสิวๆที่ไม่สิวสำหรับ สิวอักเสบ คงเป็นปัญหาชวนรำคาญใจให้กับใครหลายๆคนที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่ไม่ใช่น้อยเลย นอกจากสิวอักเสบจะมีลักษณะบวมแดงและสร้างความเจ็บปวดให้บริเวณที่เป็นแล้วยังรักษาได้ยากกว่าสิวปกติเสียอีก ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจกันเถอะว่าสาเหตุของสิวอักเสบเกิดได้จากอะไรบ้าง และวิธีการรักษาให้หายขาดอย่างไร้ความกังวลว่าจะกลับมาอีกครั้งกันเถอะ
สิวอักเสบ เกิดจากอะไร
สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) เป็นสิวประเภทหนึ่งที่พัฒนาความรุนแรงมาจากสิวอุดตันโดยเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Cutibacterium acnes หรือชื่อย่อว่า C. acnes อยู่ในรูขุมขน ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของสิว ในบางครั้งอาจสร้างความเจ็บปวดขึ้นอีกด้วย และนำไปสู่ต้นเหตุของการเป็นสิวอักเสบที่เกิดขึ้นตามใบหน้าและบริเวณลำคอ
โดยลักษณะของสิวอักเสบสามารถสังเกตได้อย่างง่ายๆ ก็คือสิวที่นู่นขึ้นจะมีขนาดใหญ่พร้อมกับความบวมแดง หรือในบางชนิดจะเป็นลักษณะที่มีหนองสีขาวขุ่นอยู่ตรงบริเวณหัวสิวและมีความรุนแรงแตกต่างกันไป
ประเภทของสิวอักเสบ
สาเหตุหลักของการเกิดสิวอักเสบมักเกิดจากระบบภูมิคุมกันของร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวไปกำจัดแบคทีเรียจนทำให้เกิดการอักเสบบริเวณผิวหนัง และมีอาการบวมแดงเกิดขึ้น ซึ่งสิวอักเสบสามารถแบ่งประเภทได้ตามนี้
สิวหัวหนอง
เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นมีหนองสีขาวตรงบริเวณหัวสิว เกิดจากแบคทีเรียแทรกซ้อนรุนแรงกว่าแบบตุ่มแดง โดยสิวประเภทนี้สามารถแบ่งได้ทั้งชนิดแบบตี้นและชนิดแบบลึก
สิวหัวช้าง
เป็นสิวอักเสบขั้นรุนแรง โดยจะมีลักษณะเป็นก้อนนูนแข็งและบวมแดงขนาดใหญ่ ฝังลงไปลึกมากใต้ผิวหนัง หัวสิวมักแตก อาจจะมีทั้งเลือดและหนองไหล ซึ่งทำให้เกิดเป็นหลุมสิวได้
สิวติดสาร หรือ สิวสเตียรอยด์
สิวสเตอรอยด์ เป็นผื่นที่มีลักษณะคล้ายกับสิว โดยจะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนอง ซึ่งโอกาสการเกิดขึ้นนั้นสามารถเกิดได้พร้อมกันทีเดียวหรือค่อยๆเกิดขึ้นเรื่อยๆ และรูปแบบของสิวจะเป็นลักษณะเดียวกันทั้งหมด สาเหตุส่วนมากที่สิวสเตียรอยด์เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าที่มีสเตียรอยด์เป็นส่วนผสมเป็นระยะเวลนาน
สิวซีสต์
สิวประเภทนี้มีความรุนแรงกว่าสิวอักเสบประเภทอื่นๆ โดยมีลักษณะคล้ายๆกับสิวหัวช้าง แต่มีหนองขนาดใหญ่ที่ฝังลึกอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดได้อย่างสาหัสเมื่อเผลอสัมผัสโดนบริเวณสิว
บางคนอาจจะสับสนระหว่างสิวอักเสบกับสิวฮอร์โมน สามารถอ่านบทความสิวฮอร์โมนเกิดจากอะไร เพิ่มเติมได้ที่นี่
วิธีรักษาสิวอักเสบ
วิธีรักษาการสิวอักเสบนั้นสามารถรักษาได้ตามอาการความรุนแรงที่แสดงออกมาให้เห็น โดยจะดูการอาการสักเสบของสิวเป็นหลัก เพราะจะเป็นสิ่งที่ทำให้รักษาได้ตรงจุดมากที่สุดและสามารถหายได้ง่ายขึ้น
ยาแก้สิวอักเสบ
การรักษาสิวอักเสบด้วยการใช้ยาในส่วนมากจะเป็นทายาภายนอก ซึ่งอยู่ในรูปเนื้อครีมหรือเจล โดยตัวยาจะช่วยให้อาการอักเสบลดลง รวมถึงช่วยสิวยุบตัวลง ได้แก่
– ยาปฏิชีวนะแต้มสิว Clindamycin หรือ Erythromycin
– ยากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามิน A
– ยาที่มีส่วนผสมของ Salicylic acid
– ยา Benzoyl Peroxide และยารักษาสำหรับรับประทาน จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการสิวอักเสบรุนแรง
– ยากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามิน A
– ยาปฏิชีวนะแบบยาเม็ด อย่างเช่น Erythromycin หรือ Minocycline
– ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
การกดสิว
วิธีการกดสิวเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถใช้รักษาได้ทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวลักษณะสิวมีหัวหนอง เนื่องจากตัวหนองตื้นไม่ลึกมากจึงสามารถที่จะกดได้ แต่สำหรับสิวหัวช้างและสิวซีสต์นั้น เป็นวิธีที่ไม่ค่อยเหมาะสม ควรใช้เป็นวิธีกรีดผิวเพื่อระบายหนองออก ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง เพราะไม่งั้นสิวอาจจะเกิดการติดเชื้อลุกลามขึ้นได้
การติดแผ่นดูดสิว
แผ่นดูดสิวเป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาสิวที่ง่ายดายและสะดวกต่อการใช้งาน เพียงแค่แปะแผ่นดูดสิวลงบนบริเวณที่เป็นสิวอักเสบเท่านั้น แผ่นดูดสิวก็จะทำการดูดเม็ดสิวหรือหนองออกมาจากผิวหนัง ซึ่งในปัจจุบันมีแผ่นแปะสิวสำหรับใช้ในช่วงกลางวันและกลางเพิ่มมาเป็นอีกตัวเลือกนึง และยังแบ่งมีการใช้งานตามอาการ 3 แบบ ดังนี้
– แผ่นดูดสิวชนิดมีตัวยารักษา (Medicated) สามารถใช้ได้กับสิวอักเสบทุกชนิด โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย C. acnes และช่วยบรรเทาอาการบวมแดงที่อักเสบจนสิวยุบแล้วแห้ง
– แผ่นดูดสิวชนิดไม่มีตัวยา (Non-medicated) เหมาะสำหรับการใช้กับสิวหัวขาวและสิวหัวหนอง ซึ่งจะช่วยดูดส่วนของหนองและความชื้นออกจากสิว และยังช่วยลดการเกิดแผลจากสิวอักเสบอีกด้วย
– แผ่นดูดสิวชนิดหัวเข็มละลายสิว (Microneedle) เหมาะกับการใช้รักษาสิวหัวช้างและสิวซีสต์ โดยการทำงานของแผ่นดูดสิวชนิดนี้จะใช้เข็มขนาดเล็กที่สามารถละลายได้เจาะลงบริเวณผิวของสิวอักเสบเพื่อที่ตัวยาสามารถซึมสู่ชั้นผิว เพื่อทำให้สิวอักเสบแห้งได้ไวขึ้น รวมไปถึงช่วยลดบาดแผลจากสิวอักเสบได้
การใช้แสง
วิธีการรักษาด้วยใช้แสงนี้จะใช้แสงที่มีความเข้มข้นสูง เพื่อใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย C. acnes ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวอักเสบ อีกทั้งยังช่วยลดการอักเสบไปพร้อมกัน โดยประเภทของแสงที่ใช้ในการรักษาสิว เช่น
– ALA and Light therapy
– Blue light Therapy
– Intense Pulsed Light (IPL)
– Light and Heat Energy (LHE)
การใช้เลเซอร์
วิธีการใช้เลเซอร์นี้เป็นการทำเพื่อช่วยในเรื่องลบรอยจากสิวอักเสบให้จางลง เช่น
– Nd:YAG
– Pulsed dye laser
ปรึกษาแพทย์
นอกจากการใช้ทายาหรือรับประทานยาเพื่อการรักษาสิวอักเสบแล้วก็ยังมีวิธีการอื่นๆที่สามารถช่วยรักษาได้อีกเหมือนกัน เช่น วิธีการกดสิว การใช้แผ่นดูดสิว การใช้แสง รวมไปถึงการใช้เลเซอร์ แต่หากเลือกใช้วิธีข้างต้นแล้วอาการของสิวอักเสบยังมีแนวโน้มที่ไม่สามารถรักษาได้หายขาดและมีอาการแย่ลงเรื่อยๆ ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้การรักษาสิวอักเสบมีประสิทธิภาพและหายได้ไวขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวอักเสบ
สิวอักเสบขึ้นไม่หยุด
สาเหตุเกิดได้ทั้งจากความมันของผิวหนังที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากเกินจำเป็น ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงของเพศหญิงในช่วงเป็นประจำเดือน หรืออาจเพราะมีเชื้อแบคทีเรียสะสมมากเกินไปส่งผลให้รูขุมขนอุดตันจนกลายเป็นสิวอีกครั้ง ซึ่งแนะนำให้เข้ารับการปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางหาต้นเหตุของการเกิดสิวอักเสบเพื่อทำการรักษาสิวได้ถูกวิธี
สิวอักเสบกี่วันหาย
โดยทั่วๆไปแล้วสิวอักเสบจะหายดีขึ้นอยู่ภายในช่วง 4-6 สัปดาห์โดยประมาณ ดังนั้นแล้วสำหรับใครที่กำลังดูแลรักษาสิวอักเสบอยู่ต้องมีความอดทนและวินัยในตัวเองต่อการดูแลผิวหนังเป็นอย่างมาก เพื่อให้ผิวหนังได้กลับมาสุขภาพดีไร้สิวขึ้นอีกครั้ง
บีบสิวแล้วบวม
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการบวมแดงขึ้นหลังจากการบีบสิวเป็นเพราะว่าผิวบริเวณนั้นถูกโดนรบกวนจนเกิดความระคายเคืองและผิวหนังเกิดอาการอักเสบขึ้นตามมา ซึ่งเมื่อผิวหนังมีการอักเสบเลือดในระบบร่างกายจะถูกส่งไปยังบริเวณที่มีการบีบสิวมากกว่าปกติก็เพื่อเป็นการลำเลียงเม็ดเลือดขาวมากำจัดเชื้อโรคที่เข้ามา จึงทำให้เกิดเป็นอาการบวมแดงหลังจากบีบสิวไปแล้ว
สรุป
การเป็นสิวอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้หลายปัจจัย ทั้งจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในประจำวันและสภาวะต่างๆของร่างกายที่มีแนวโน้มต่อการเป็นสิว ซึ่งสิวอักเสบจะมีอาการรุนแรงและรักษาได้ยากกว่าสิวปกติ หากดูแลผิวหนังไม่ดีพออาจทำให้เกิดอาการเรื้อรังจนอาการสิวอักเสบหายช้ากว่าปกติและอาจทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้บนผิว ดังนั้นแล้วการดูแลรักษาผิวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยมีหลากหลายวิธีที่สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับอาการสิวอักเสบและสภาพผิวของผู้ที่เป็นสิวอักเสบ อีกทั้งการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตในประจำวันให้เหมาะสมก็มีช่วยให้สิวอักเสบเกิดขึ้นน้อยลงและหายได้ไวขึ้น