บ้านคือปัจจัยสี่ที่สำคัญสำหรับการดำเนินชีวิต และทุกคนก็มีความฝันอยากจะมีบ้าน เมื่อทำงานเก็บเงินได้สักพัก ก็มองหาบ้านเป็นของตนเอง การซื้อบ้านคือภาระหนึ่งที่จะต้องเตรียมพร้อมในการแบกรับค่าใช้จ่ายในทุก ๆ เดือน ตลอดระยะเวลาหลายปี
การรีไฟแนนซ์บ้าน คือทางออกสำหรับผู้ที่แบกรับภาระค่าใช้จ่ายนั้นไม่ไหว เมื่อผ่อนบ้านมาสักระยะเริ่มรู้สึกบริหารจัดการเงินได้ลำบาก หนี้สินเพิ่มพูน ค่าใช้จ่ายรุมเร้า การเลือก refinance บ้านสามารถช่วยลดอัตราดอกเบี้ย จะลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือน โดยจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่ถูกกว่าเดิม
หากคุณยังสงสัยว่าทำไมถึงต้องเลือกรีไฟแนนซ์ แล้วสามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้จริงไหม ทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนได้จริงหรือเปล่า รีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงินได้หรือไม่ มีข้อดีและประโยชน์อะไรบ้าง บทความนี้จะทำให้คุณเข้าใจการรีไฟแนนซ์บ้านได้มากขึ้น
อะไรคือรีไฟแนนซ์บ้าน
สำหรับผู้ต้องการขอยื่นกู้สินเชื่อบ้านเพื่อลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยต่อเดือนให้น้อยลง สามารถยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารเดิม หรือธนาคารใหม่ได้ ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้
- รีไฟแนนซ์บ้าน หรือ refinance คือการขอยื่นกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารแห่งใหม่ เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยบ้านให้ต่ำลง ผ่อนต่อเดือนน้อยลง และผ่อนบ้านได้หมดเร็วขึ้น
- รีเทนชั่น หรือ Retention คือการขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม เมื่อผ่อนบ้านในอัตราดอกเบี้ยคงที่ครบ 3 ปีแล้ว สามารถขอต่อรองอัตราดอกเบี้ยต่ำได้ ธนาคารจะมีส่วนลดหรือมีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยให้กับผู้กู้สินเชื่อในปัจจุบัน ไม่ต้องเสียเวลายื่นเอกสารใหม่ แต่อัตราดอกเบี้ยไม่ได้ลดต่ำมากเท่ากับรีไฟแนนซ์บ้าน
รีไฟแนนซ์บ้าน เหมาะกับใคร
รีไฟแนนซ์บ้าน คือตัวช่วยของมนุษย์เงินเดือนที่แบกรับภาระค่าใช้จ่ายสูงไม่ไหว การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นตัวช่วยในการผ่อนชำระหนี้ ลดค่าใช้จ่ายการผ่อนชำระแต่ละเดือนได้ ผู้ซื้อบ้านและผ่อนชำระค่างวดแล้ว ควรรีบรีไฟแนนซ์บ้านภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยผู้ต้องการขอสินเชื่อเงินกู้บ้านจะต้องมีคุณสมบัติเหล่านี้
- เป็นผู้มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
- มีอายุงาน 1 ปีขึ้นไป
- มีรายได้แน่นอน
- มีรายได้เพียงพอในการผ่อนชำระ และร่วมพักอาศัย
- มีหลักฐานแสดงรายได้ที่น่าเชื่อถือ
- มีประวัติข้อมูลบัตรเครดิตที่ดี ไม่มียอดค้างชำระ
รีไฟแนนซ์บ้าน มีข้อดีอย่างไร
การใช้ชีวิตในปัจจุบันมีค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่ละคนย่อมมีความสามารถในการจัดการภาระค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนให้น้อยลง หลาย ๆ คนจึงเลือก refinance บ้านในการช่วยผ่อนชำระหนี้ และใช้ชีวิตอย่างคล่องตัวได้มากขึ้น โดยรีไฟแนนซ์บ้านมีข้อดีมากมายดังนี้
- ลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือน
- ลดระยะเวลาการผ่อนชำระ ทำให้หนี้ผ่อนชำระหมดไวขึ้น
- ลดรายจ่ายต่อเดือน ทำให้เกิดสภาพคล่องทางการเงิน
จะรีไฟแนนซ์บ้านต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
การเตรียมความพร้อมก่อนยื่นรีไฟแนนซ์บ้านเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยประเมินตนเองในเบื้องต้นได้ว่า มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดหรือไม่ เพื่อวางแผนรีไฟแนนซ์บ้านอย่างถูกต้อง จึงควรศึกษารายละเอียดเบื้องต้น ก่อนดำเนินการขอสินเชื่อ
สำหรับพนักงานบริษัท ราชการ รัฐวิสาหกิจ
- มีอายุการทำงานปัจจุบัน 6 เดือนขึ้นไป และต้องผ่านการทดลองงาน จึงสามารถขอรีไฟแนนซ์บ้านได้
- พนักงานสัญญาจ้างในระดับผู้จัดการหรือหัวหน้างานต้องมีอายุทำงานปัจจุบัน 1 ปีขึ้นไป และมีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป
- ไม่มีหนี้บัตรเครดิตค้างชำระ
สำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระ
- มีถานะทางการเงินที่แน่นอน
- มีสัญญาจ้างงานแบบมีระยะเวลาและไม่มีระยะเวลา
- มีอายุงานอย่างต่ำ 2 ปี
- มีรายการบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน และไม่ควรมีหนี้สิน
- ไม่มีหนี้บัตรเครดิตค้างชำระ
สำหรับเจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ
- จดทะเบียนในรูปแบบบริษัท หจก. หรือทะเบียนการค้า ดำเนินการมาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี
- ยอดเงินบัญชีหมุนเวียนภายใน 6 เดือน มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายต่อวันไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท
- มีภาระหนี้สินไม่เกิน 70% ของรายได้
- ไม่มีหนี้บัตรเครดิตค้างชำระ
วิธีรีไฟแนนซ์บ้าน
สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจยื่นรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ คือสามารถตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเก่าได้ เพราะธนาคารจะมีส่วนลดหรือมีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยให้กับผู้กู้สินเชื่อในปัจจุบัน เพื่อเปรียบเทียบก่อนรีไฟแนนซ์ และแต่ละธนาคารมีหลักเกณฑ์พิจารณาอนุมัติการยื่นขอกู้สินเชื่อบ้านที่แตกต่างกันไป โดยมีวิธีการดังนี้
- ติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อขอรายการสรุปยอดสินเชื่อบ้าน
- นำรายการยอดหนี้ไปยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่
- เจ้าหน้าที่มาประเมินบ้านที่ต้องการรีไฟแนนซ์
- รอผลอนุมัติจากธนาคาร
- เมื่อได้รับอนุมัติ ให้ดำเนินการติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อนัดวันไถ่ถอนบ้าน และคิดยอดที่ต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
- ยื่นเอกสารรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ เพื่อขอกู้สินเชื่อ โดยทำสัญญาและโอนบ้าน ควรนัดทั้ง 2 ธนาคารให้มาดำเนินการภายในวันเดียวกัน
- โอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน โดยมีเจ้าหน้าที่ของทั้งสองธนาคารไปด้วย
- มอบโฉนดที่ดินให้กับธนาคารใหม่ จะถือว่า refinance บ้านเสร็จสมบูรณ์
จะรีไฟแนนซ์บ้านต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
รีไฟแนนซ์บ้านมีเอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมแสดงต่อธนาคารในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นขอสินเชื่อบ้าน นอกจากคุณจะต้องมีฐานะทางการเงินและการงานที่มั่นคงแล้ว ยังจะต้องเตรียมเอกสารหรือหลักฐานสำคัญ ในการยื่นเรื่องต่อธนาคารเพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติการให้สินเชื่อบ้าน โดยมีข้อมูลดังนี้
1. เอกสารประจำตัวบุคคล
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาบัตรประชาชนคู่สมรส (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนบ้านคู่สมรส (ถ้ามี)
2. เอกสารทางการเงิน
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน
- หนังสือรับรองการทำงาน
- สำเนารับรองการหักภาษี (50 ทวิ)
- สำหรับผู้มีธุรกิจส่วนตัวแนบสำเนารับรองการจดทะเบียนร้านค้า สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น สำเนารายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน และสำเนาแสดงภาษีซื้อขาย ภ.พ.30
3. เอกสารหลักประกันการรีไฟแนนซ์บ้าน
- สำเนาโฉนดที่ดิน หนังสือกรรมสิทธิ์ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องที่บ่งชี้ถึงหลักประกัน
- สำเนาสัญญากู้จากธนาคาร
- สำเนาสัญญาจำนองที่ดิน
- สำเนาสัญญาการซื้อขายหรือให้ที่ดิน ทด.13 หรือ 14 หรือสัญญาซื้อขายห้องชุด
- สำเนาใบเสร็จแสดงธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบ้าน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรีไฟแนนซ์บ้าน
นอกจากข้อมูลเบื้องต้นที่ควรรู้เกี่ยวกับรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อเตรียมความพร้อมในการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่แล้ว อาจจะมีหลายคนที่มีวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากนี้ และยังมีคำถามเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่ยังเป็นข้อสงสัยของผู้สนใจยื่นกู้สินเชื่อบ้าน มีคำถามอะไรบ้างไปดูกันเลย
บ้าน และคอนโดแบบไหนที่สามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้?
หลังจากผ่อนชำระบ้านหรือคอนโดผ่านไป 3 ปี ธนาคารจะปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น รีไฟแนนซ์บ้านกับคอนโด โดยพื้นฐานไม่แตกต่างกันมากนัก โดยสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่ 3 ปีแรก เพื่อจ่ายอัตราดอกเบี้ยราคาถูก ยืดระยะเวลาการผ่อนชำระที่คุ้มค่า
รีไฟแนนซ์บ้านแล้วขอวงเงินกู้เพิ่มได้ด้วยหรือไม่?
โดยทั่วไปเมื่อผ่อนชำระบ้านไปได้สักพัก ยอดหนี้จะลดลง และทำให้ราคาบ้านสูงขึ้น คุณสามารถขอวงเงินกู้เพิ่มได้ โดยธนาคารจะประเมินราคาบ้านไม่เกินร้อยละ 90 ของราคาเต็ม เพื่อกู้เงินอเนกประสงค์ออกมาใช้จ่ายเป็นเงินก้อน
สามารถรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมได้ไหม?
เมื่อผ่อนบ้านหรือคอนโดได้ประมาณ 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีราคาถูก สามารถขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิมได้ หากมีวินัยดี ผ่อนชำระตรงเวลา ไม่เคยค้างจ่ายค่างวด ก็มีสิทธิ์ที่ธนาคารจะอนุมัติการขอสินเชื่อ
รีไฟแนนซ์บ้าน สรุป
รีไฟแนนซ์บ้านมีความสำคัญมาก หากยื่นดำเนินการถูกที่ถูกเวลาจะช่วยให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกขึ้น โดยส่วนใหญ่ธนาคารแต่ละแห่งจะมีอัตราดอกเบี้ยถูกในช่วง 3 ปีแรก จึงควรยื่นเอกสารขอสินเชื่อบ้านในช่วง 3 ปีนี้ ซึ่งการขอกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารใหม่จะช่วยปรับอัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้เกิดสภาพคล่องทางการเงิน ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา และสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้เร็วขึ้น