
Hifu
จะทำอะไรกับใบหน้าก็ต้องมั่นใจว่าปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ สามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด และสำหรับใครที่สนใจเรื่องความสวยความงาม อยากหน้าเด็ก คงความอ่อนเยาว์ไว้ได้นาน ๆ คงจะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของเครื่อง Hifu กันมาบ้างไม่มากก็น้อย
ก่อนจะไปใช้บริการเจ้าเครื่องนี้ที่คลินิกเสริมความงาม มาเพิ่มมั่นใจอีกขั้น ด้วยการรู้จัก Hifu เครื่องมือยกกระชับให้มากขึ้น ทำ Hifu แล้วดีต่อผิวหน้าอย่างไร? ช่วยอะไรได้บ้าง? พร้อมขั้นตอนการทำ และราคา มาดูว่าจะคุ้มค่าแค่ไหน?
Hifu คืออะไร?
Hifu (High-intensity Focused Ultrasound) คือ เครื่องมือยกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ ใช้หลักการเดียวกับคลื่นอัลตราซาวด์ทางการแพทย์ โดยจะยิงพลังงานความร้อน 65-70°C คล้ายจุดไข่ปลาเล็ก ๆ ขนาด 0.5-1 mm พลังงานคงที่ ลงไปใต้ชั้นผิวแต่ละชั้น ลงลึกถึง SMAS เพื่อจัดการปัญหาผิว ความหย่อนคล้อย ริ้วรอยต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้ปรากฎอยู่แค่ผิวชั้นบน

จุดไข่ปลาเล็ก ๆ เรียงกันใต้ชั้นผิว
เครื่องมือ Hifu สามารถจัดการกับปัญหาผิวได้ถึงชั้นผิวในระดับที่อยู่ลึกลงไป ด้วยหัวยิงความลึกที่ต่างกัน ดังนี้
- หัวยิงความลึก 1.5-2.0 mm ใช้กับผิวชั้นบน ช่วยเรื่องริ้วรอย เช่น ลดริ้วรอย รอบดวงตา หว่างคิ้ว หน้าผาก
- หัวยิงความลึก 3.0 mm ใช้กับผิวชั้นกลาง ช่วยลดไขมันและเซลลูไลท์ กระชับใบหน้า กระตุ้นคอลลาเจนบริเวณแก้ม
- หัวยิงความลึก 4.5 mm ใช้กับผิวชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมยกกระชับหรือผ่าตัดดึงหน้าให้กระชับ เช่น ยกแก้ม เก็บกรอบหน้า ลดร่องแก้ม เหนียง

หัวยิง Hifu ลงลึกถึงผิวชั้น SMAS
Hifu ช่วยอะไรบ้าง ?
Hifu ช่วยจัดการกับปัญหาผิว โดยเฉพาะเรื่องของความหย่อนคล้อยที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ ซึ่งสามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เหมาะสำหรับคนที่กลัวเข็ม กลัวการผ่าตัด จึงเป็นตัวเลือกที่ดี มีความปลอดภัยสูง ถ้าเคสไหนไม่ต้องการฉีดหรือผ่าตัด คุณหมอที่คลินิกก็จะแนะนำ Hifu เป็นตัวเลือกแรก ๆ
ด้วยประสิทธิภาพที่ช่วยยกกระชับผิวน้า เหนียง คอ และรูปร่าง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวยืดหยุ่นมากขึ้น ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน ผิวเนียนนุ่มขึ้น หน้าเรียบเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ

หากจำแนกข้อดีของ Hifu ต้องบอกว่าเป็นเครื่องมือที่จัดการปัญหาผิวได้ครอบคลุม โดยเฉพาะคนที่เริ่มมีปัญหาผิวในระยะเริ่มต้น ได้ผลลัพธ์ดี แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด จนหลายคนติดใจผลลัพธ์ต้องกลับมาทำซ้ำ
กระตุ้นคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย
เมื่ออายุมากขึ้นกลไกการหย่อนคล้อยของใบหน้าเราทุกคน เกิดจากการยืดออกของอีลาสตินและคอลลาเจน ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
ข้อดีของ Hifu สามารถช่วยเพิ่มคอลลาเจนในผิวได้ โดย Hifu เป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาให้กระตุ้นคอลลาเจนได้ในทุกชั้นของผิว กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ หลัก ๆ คือเซลล์ Fibroblasts โดยเนื้อเยื่อที่สร้างใหม่นี้จะแน่นกว่าของเดิม กระชับกว่า ทำให้ผิวยกกระชับ ริ้วรอยลดลง รูขุมขนดีขึ้น ผิวเนียนนุ่มขึ้น หน้าเรียบเนียนใสและอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
เก็บกรอบหน้า ปรับรูปหน้าเรียว
ผู้หญิงที่อยากมีรูปหน้าวีเชฟ (V-Shape) หน้าเรียวสวย ทรงหน้ารูปไข่ มีความยาวของใบหน้ามากกว่าความกว้าง ช่วงหน้าผากกว้างกว่าช่วงกราม รูปทรงคางโค้งมนสวยได้รูป มองภาพรวมแล้วเป็นทรงคล้ายไข่คว่ำ ซึ่งถือเป็นรูปหน้าที่สมส่วน และได้รับความนิยมมากที่สุด
แต่ด้วยไขมันสะสมและปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กรอบหน้าไม่ชัด ผิวขาดความกระชับ ก็สามารถใช้เครื่องมือ Hifu ยกกระชับหน้าเรียวได้โดยที่ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด มีความปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก โดยคุณหมอจะยิงพลังงานเรียงเป็นเส้นตรงเพื่อยกกระชับผิวตามแนวที่ต้องการ
ลดเหนียง คางสองชั้น ไขมันใต้คาง
ปัญหาเหนียงเยอะ หรือไขมันสะสมใต้คาง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง และไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่อ้วน หรือมีน้ำหนักตัวมากเท่านั้น เพราะในคนที่รูปร่างผอมเพรียวก็มีปัญหาเหนียงหรือคางสองชั้นนี้ได้เช่นกัน
เมื่ออายุมากขึ้น หลายคนมักมีเหนียงที่เกิดขึ้นตามวัยจากผิวที่หย่อนคล้อย และไม่สามารถกำจัดเหนียงได้ง่าย ๆ แม้จะใช้วิธีออกกำลังกาย ลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร เหนียงก็ยังไม่หายไป ซึ่งปัจจุบันวิธีทางการแพทย์ไม่ได้มีแค่ศัลยกรรมผ่าตัดเก็บเหนียงเท่านั้น แต่สามารถใช้เครื่องมือ Hifu ที่ได้ผลเร็ว และไม่ต้องเจ็บตัวเท่ากับการผ่าตัด
โดยการทำ Hifu ใช้ได้ผลดีในการลดเหนียงที่เกิดจากการหย่อนคล้อยของผิวในระดับเริ่มต้น ช่วยให้เหนียงกระชับขึ้นได้ทันทันที เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก อยู่ได้นาน 4-6 เดือน และยังช่วยป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคตได้อีกด้วย


Hifu ใช้ร่วมกับหัตถการอะไรได้บ้าง?
- ฟิลเลอร์ : ในบางเคส อาจทำไฮฟู่ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ สามารถทำร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แล้วใช้ Hifu ใต้ตา เก็บรายละเอียดเพิ่มเติมได้ เหมาะสำหรับคนที่มีริ้วรอยไม่เยอะมาก และผิวใต้ตาเริ่มหย่อนคล้อย
- โบท็อก : ฉีดโบท็อกมาแล้วอยากทำ Hifu ด้วยสามารถทำได้ แต่แนะนำให้รอโบท็อกออกฤทธิ์อย่างเต็มที่เสียก่อน ประมาณ 14 วัน เพื่อดูผลลัพธ์ และจึงค่อยตัดสินใจว่าควรทำ Hifu เสริมอีกหรือไม่ เพื่อเก็บรายละเอียดจุดบกพร่องบนใบหน้า
การเรียงลำดับหัตถการ จะอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ เช่น คนที่ต้องการลดกราม แก้ปัญหากรามใหญ่ หมอก็จะแนะนำให้ฉีดโบท็อกลดกรามก่อน แล้วค่อยใช้ Hifu ในการยกกระชับกรอบหน้า เก็บริ้วรอยเล็ก ๆ เสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น
- ร้อยไหม : อยากปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ยกกระชับและช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัยไปพร้อมกัน สามารถทำร้อยไหมกับ Hifu ควบคู่กันไปด้วยได้ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพื่อประเมินและเรียงลำดับการทำได้อย่างถูกต้อง เห็นผลมากที่สุด และปลอดภัยมากที่สุด
- Thermage : ทำ Hifu ก่อน แล้วตามด้วย Thermage ในวันเดียวกันได้ หรือ เว้น 1 เดือน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพยกกระชับหน้าให้มากขึ้น สามารถปรึกษาแพทย์ที่ทำหัตถการเพื่อแนะนำตามความเหมาะสมในแต่ละเคส
ทั้งนี้ การทำ Thermage ให้ได้ผลดีคุ้มค่านั้นจะต้องทนเจ็บได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากพลังงานส่งเข้าไปในทุกชั้นของผิวจึงเจ็บมากกว่า Hifu ในคนที่ทนเจ็บไม่ไหวหรือยังไม่มั่นใจ แนะนำให้ลองทำ Hifu ก่อน เพราะถ้าทำ Thermage แล้วใช้พลังงานต่ำก็จะได้ผลไม่คุ้มค่าเงินที่จ่าย

คุณหมอประเมินผิวหน้า แนะนำหัตถการที่เหมาะสม
ขั้นตอนการทำ Hifu ที่คลินิกเสริมความงาม
ก่อนทำ Hifu ควรเลือกคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน ทีมแพทย์มีประสบการณ์ ที่สำคัญคือคลินิกแห่งนั้นต้องใช้เครื่อง Hifu แท้ ซึ่งมีประสิทธิภาพ ระดับพลังงานคงที่ โดยยี่ห้อเครื่อง Hifu ที่ได้รับการยอมรับ คือ Hifu Ultraformer III ผ่านการรับรองมาตรฐานยุโรป

หน้าตาเครื่อง Hifu Ultraformer III
- ก่อนทำ Hifu จะมีการทายาชา ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ช่วยให้ขณะทำลดความเจ็บลง
- ขณะทำ Hifu จะรู้สึกอุ่น ๆ ปวด ๆ ใต้ผิวบริเวณที่ทำ หรือบางคนอาจจะรู้สึกเจ็บ เพราะคลื่นเสียงลงลึกถึงชั้น SMAS) เพื่อความยกกระชับผิว
- ใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 30-50 นาที
- หลังทำอาจมีรอยแดงบ้าง แต่จะหายไปได้เองภายใน 1-2 ชั่วโมง
- สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เนื่องจากไม่มีบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้น
- สามารถทำเพิ่มได้ทุก ๆ 3 เดือน เพื่อคงสภาพผิว
Hifu ราคาเท่าไหร่? แพงไหม ?
Hifu ถือว่ามีราคาคุ้มค่า ไม่แพง เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ ผิวยกกระชับและดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งยังสามารถป้องกันปัญหาความหย่อนคล้อยในอนาคตได้ ซึ่งถ้าลองหาข้อมูลราคา Hifu ของแต่ละคลินิก ก็จะเห็นว่าราคาไม่เท่ากัน ดังนั้นนอกจากราคาที่ต้องสมเหตุสมผลแล้ว อยากให้ดูที่ยี่ห้อเครื่อง Hifu ที่ใช้เป็นหลัก ถ้าใช้ Hifu Ultraformer III เครื่องแท้ ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 3,999 บาท (100 line)
ทั้งนี้ ราคา Hifu จะขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละคน โดยราคาจะเพิ่มขึ้นตามจำนวน line สามารถสอบถามกับคลินิกเสริมความงามที่สนใจก่อน หรือส่งรูปหน้าให้คุณหมอประเมินก่อนได้ แล้วค่อยจะนัดคิวเข้าไปใช้บริการ