การฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมากไม่ว่าจะในต่างประเทศ หรือในไทยเองก็ตาม เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งเพื่อช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างครอบคลุม โดยที่ไม่ต้องศัลยกรรมปรับรูปหน้า ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น และเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที
ในบทความได้รวบรวมสิ่งที่ทุกคนควรรู้ในการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับใคร ? ฉีดแก้ไขปัญหาที่ตำแหน่งใดได้บ้าง ? อันตรายไหม ? อยู่ได้นานแค่ไหน ? และมีวิธีปฏิบัติก่อน – หลังฉีดฟิลเลอร์อย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี
ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร ? ทำไมถึงเป็นที่นิยม ?
การฉีดฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic acid) เข้าไปบริเวณที่มีปัญหาหรือต้องการแก้ไข ฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยเติมเต็มชั้นผิวหนังให้มีความยืดหยุ่น ผิวเต่งตึง ดูอิ่มฟูขึ้น ริ้วรอยลดลง
ในวงการเสริมความงามนิยมใช้ฟิลเลอร์มาฉีดปรับรูปหน้าให้สวยงาม เช่น เสริมคางให้ดูยาวขึ้น แก้ปัญหาคางตัด เติมเต็มขมับที่ลึกโหลให้ตื้นขึ้น ใบหน้าได้สัดส่วนสวยงาม นำมาฉีดใต้ตา เพื่อแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ เบ้าตาลึก รวมไปถึงนำมาฉีดปรับรูปปาก เพื่อให้ได้ทรงปากที่ต้องการ เช่น ปากกระจับ ปากสายฝอ ปากสายเกา
หลังฉีดจะเห็นผลลัพธ์ทันที ไม่ต้องพักฟื้น สามารถเติมและปรับแต่งได้เรื่อย ๆ เนื่องจากฟิลเลอร์สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกายค่ะ
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ ?
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึกจากการทรุดตัวของกระดูก เช่น ร่องลึกใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก
- ผู้ที่มีโครงสร้างใบหน้าไม่ได้สัดส่วน มีปัญหาขมับตอบ คางสั้น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้น มีรูขุมขนกว้าง จากอายุที่มากขึ้นหรือการใช้ชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า แต่ไม่ต้องการศัลยกรรม ไม่มีเวลาพักฟื้น
ฉีดฟิลเลอร์ตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายบริเวณ ซึ่งตำแหน่งที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
หน้าผากเป็นบริเวณที่สามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อช่วยแก้ปัญหา เช่น หน้าผากแบน หน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม หน้าผากเป็นคลื่น ทั้งยังเป็นจุดที่หลายนิยมฉีดเพื่อช่วยปรับโหงวเฮ้งใบหน้าให้ดีขึ้น
ฟิลเลอร์ขมับ
การฉีดฟิลเลอร์ขมับ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาขมับลึก ขมับตอบ โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยเติมเต็มขมับส่วนที่เว้าให้ดูเต็มขึ้น ทั้งยังช่วยลดโหนกแก้มเด่นที่เกิดจากขมับตอบ ทำให้ใบหน้ามีความหวาน ละมุนขึ้น
ฟิลเลอร์จมูก
การฉีดฟิลเลอร์จมูก สามารถช่วยปรับสันจมูก ปลายจมูกให้โด่งขึ้นและเพิ่มความคมได้เล็กน้อย โดยจะเหมาะกับผู้ที่ฐานจมูกเดิมอยู่บ้างแล้ว เป็นอีกทางเลือกของผู้ที่ไม่ต้องการศัลยกรรมเสริมจมูก
ฟิลเลอร์แก้มส้ม
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นตำแหน่งที่จะช่วยปรับรูปหน้าโดยรวมให้มีความอิ่มเอิบ หน้ายกกระชับ ดูเด็กลง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาช่วงหน้าแก้มหย่อนคล้อย เกิดร่องลึกใต้ตา ร่องแก้ม ต้องการเพิ่มมิติให้ใบหน้าH3 : ฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาขอบตาคล้ำ ตาโบ๋ ตาลึก มีถุงใต้ตา ช่วยเติมเต็มร่องริ้วรอยตื้น ๆ รอบ ๆ ดวงตาให้ตื้นขึ้น ทำใบหน้าที่ดูโทรม ดูมีอายุ กลับมาดูสดใส อ่อนเยาว์อีกครั้ง
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับผู้ที่ปัญหาร่องแก้มลึกที่เกิดจากกระดูกที่ยุบตัวลงตามวัย หรือริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า ทำให้ใบหน้าดูมีอายุก่อนวัย ฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยเติมเต็มร่องแก้มให้ตื้นขึ้น ทันทีหลังฉีด
ฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์คาง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม ต้องการปรับรูปหน้าเรียววีเชฟแบบเร่ง ด่วน การฉีดฟิลเลอร์คางให้ผลลัพธ์ดีไม่แพ้การผ่าตัดเสริมคางค่ะ ทั้งยังเป็นการปรับโหงวเฮ้งคางให้เป็นไปตามลักษณะที่ดีอีกด้วย
ฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปาก นิยมฉีดปรับทรงปากอวบอิ่มแบบสายฝอ และปากกระจับแบบสายเกา ซึ่งข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก คือช่วยปรับทรงปากของเราได้โดยไม่ต้องผ่าตัด หลังฉีดเห็นผลทันที ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาปากแห้ง ปากเป็นร่อง ปากบาง ปากไม่เท่ากัน บำรุงปากให้ชุ่มชื่นได้ค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์แต่ตำแหน่งใช้กี่ cc ?
ฉีดฟิลเลอร์ควรใช้กี่ cc นั้น จะขึ้นอยู่กับระดับปัญหาและความต้องการของแต่ละคน แต่โดยทั่วไปปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในแต่ละจุดจะอยู่ที่ประมาณนี้ค่ะ
- หน้าผาก 3 – 5 cc
- ขมับ 2 – 4 cc
- แก้มส้ม 1- 2 cc
- ใต้ตา 2 – 4 cc
- ร่องแก้ม 1 -3 cc
- คาง 1 – 2 cc
- ปาก 1 – 2 cc
ทั้งนี้ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ควรให้แพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านนี้เป็นผู้ประเมินถึงจำนวน cc ที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาตามมาภายหลัง เช่น ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ผลลัพธ์ออกมาไม่สวย ดูไม่เป็นธรรมชาติ
ข้อดี – ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ที่ต้องรู้
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากใช้ฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic acid ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น ผิวดูกระชับ เต่งตึง
- ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยในอนาคต
- หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้ทันที
- การฉีดฟิลเลอร์สามารถกลับมาฉีดใหม่ได้เรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม หรือถ้าหากไม่ชอบพอในผลลัพธ์สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์และฉีดใหม่ได้
- เป็นหัตถการการปรับรูปหน้าที่ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์
- ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร ฟิลเลอร์จะสลายไปเองตามอายุการใช้งาน
- หากฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือใช้ฟิลเลอร์ปลอม มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้
ฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic acid สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ/รุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้ เนื่องจากแต่ละยี่ห้อฟิลเลอร์จะมีการใช้เทคโนโลยีการผลิตไม่เหมือนกัน ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องโมเลกุลฟิลเลอร์ ความยืดหยุ่น การอุ้มน้ำ แม้ยี่ห้อเดียวกัน แต่คนละรุ่นก็อาจจะมีความต่างกัน และอยู่ได้นานไม่เท่ากัน
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม ? มีข้อควรระวังก่อนฉีดมีอะไรบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์โดยใช้ฟิลเลอร์ Hyaluronic acid ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ มีความปลอดภัย เนื่องจากฟิลเลอร์ชนิดนี้สลายได้เอง ไม่มีการตกค้างในร่างกาย ทั้งยังได้รับรองจากองค์กรอาหารและยาทั้งจากอเมริกา (US FDA) และ และไทย (TH FDA)
ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์ก็มีข้อควรระวังที่เราต้องสังเกตให้ดีและควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ได้ ดังนี้
ใช้ฟิลเลอร์ปลอม
ฟิลเลอร์ปลอมจำพวกซิลิโคนเหลว พาราฟิน หากฉีดเข้าไปแล้วจะทำให้เกิดพังผืดหรือเป็นก้อนใต้ชั้นผิว เนื่องจากไม่ฟิลเลอร์ชนิดนี้ไม่สามารถสลายได้เอง ทำให้เกิดการตกค้างในร่างกาย และหากทำการรักษาไม่ทันเวลาอาจทำให้เกิดฟิลเลอร์เน่า ฟิลเลอร์ไหลได้
ฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์
หากแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ขาดประสบการณ์ อาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดทำให้เส้นเลือดอุดตัน เนื้อตาย และรุนแรงไปจนถึงตาบอดได้
คลินิกที่ใช้บริการไม่ได้มาตรฐาน
หากคลินิกที่ใช้บริการไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความสะอาด เครื่องมือการทำหัตถการไม่ได้รับการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดการติดเชื้อระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ และส่งผลให้เกิดการอักเสบติดเชื้อภายหลัง
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์ ควรตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่า คลินิกที่ใช้บริการเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน ให้บริการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงใช้ฟิลเลอร์ของแท้ ได้รับการรับรองจาก อย.ไทย ก็จะทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ค่ะ
อาการข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์อาจพบอาการข้างเคียง เช่น รอยแดงจากเข็ม สามารถหายไปได้เอง 2 – 3 วัน และอาจพบอาการบวมฟิลเลอร์ เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำทำให้หลังฉีดอาจเกิดอาการบวมได้เป็นปกติ โดยอาการบวมจะสามารถหายไปได้เองประมาณ 1 – 2 สัปดาห์หลังฉีด
ข้อควรปฏิบัติตัวก่อน – หลังการฉีดฟิลเลอร์
ข้อควรปฏิบัติตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
- ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหัตถการ วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ และวิธีการเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ
- งดยาแอสไพริน, ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs, อาหารเสริม เช่น วิตามินอี ใบแปะก๊วย
- งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง
- งดทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดอย่างหนัก
- หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่รับประทานอยู่เป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ ให้ฟิลเลอร์เข้าที่ไว อยู่ได้นานขึ้น
- รับประทานยาตามที่แพทย์จ่ายอย่างต่อเนื่องจนหมด
- หลังฉีดฟิลเลอร์หากมีอาการปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวดบรรเทาอาการได้
- ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 1.5 – 2 ลิตร/วัน เนื่องจากฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำ การดื่มน้ำจะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูสวย และอยู่ได้นานขึ้น
- หลีกเลี่ยงการแตะ นวด ถูบริเวณที่ฉีด จะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดรูปได้
- หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน และงดออกกำลังกายอย่างหนัก อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดทำเลเซอร์ร้อนบริเวณที่ฉีด เช่น Hifu Thermage เป็นเวลา 1 เดือนหลังฉีด
- งดดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารหมักดอง และงดการสูบบุหรี่ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดการอักเสบ ฟิลเลอร์หายบวมช้าลง
สรุป ฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ สามารถช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก แก้ไขปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้าที่ทำให้หลายคนไม่มั่นใจ ซึ่งข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ คือ เป็นหัตถการที่ทำแล้วเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ไม่มีรอยแผลใหญ่ และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ทั้งยังเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง ได้รับรองความปลอดภัยจาก อย.
ทั้งนี้สิ่งที่ควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์คือ การใช้ฟิลเลอร์ของปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน ฉีดโดยแพทย์ที่ไม่ประสบการณ์ หรือคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ใช้บริการไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ หรือเกิดอันตรายจากฉีดฟิลเลอร์ได้