หลายคนอาจเจอปัญหาหน้าอกเล็ก เวลาใส่เสื้อผ้าก็ไม่ค่อยสวย บางครั้งแม้แต่ใส่ชุดชั้นในก็ยังมีช่องว่างบนเนินอก สร้างความกังวลใจเป็นอย่างมาก การมีไซซ์หน้าอกขนาดกำลังพอดีจะช่วยให้เวลาแต่งตัวใส่เสื้อผ้าแล้วดูดีขึ้นและยังช่วยให้มีความมั่นใจมากขึ้นอีกด้วย
หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่สนใจอยากอัพไซซ์หน้าอก วันนี้เราขอแนะนำการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันหน้าอกว่าคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ใครที่ควรจะเติมไขมันหน้าอก มีวิธีทำและวิธีดูแลตนเองหลังฉีดไขมันหน้าอกอย่างไรบ้าง ไปดูกัน
ฉีดไขมันหน้าอก อีกหนึ่งทางออกของคนอกเล็ก
ฉีดไขมันหน้าอก (Fat Transfer Breast Augmentation) เป็นหนึ่งในวิธีการเสริมขนาดหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ขึ้นโดยที่ไม่ต้องนำสิ่งแปลกปลอมอย่างซิลิโคนเข้าไปในร่างกาย โดยการย้ายไขมันส่วนเกินจากส่วนอื่นในร่างกายของตนเองมาไว้ที่หน้าอกแทน
ลักษณะของหน้าอกที่ได้จากการฉีดไขมันหน้าอกจะมีความเป็นธรรมชาติมากทั้งผิวสัมผัสและรูปทรง ไม่มีขอบซิลิโคนมากวนใจ แถมยังช่วยให้สัดส่วนจากบริเวณที่ดูดไขมันออกไปเล็กลงอีกด้วย
การฉีดไขมันหน้าอกเป็นวิธีที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในผู้ที่มีหน้าอกเล็ก แต่ไม่ได้อยากมีหน้าอกไซซ์ใหญ่มาก ผู้ที่ไม่อยากผ่าตัดนำซิลิโคนเข้าไป รวมทั้งคุณแม่หลังคลอดที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนยานและผู้ที่มีไขมันส่วนเกินมากแต่หน้าอกเล็ก
ประโยชน์ของการฉีดไขมันหน้าอกมีอะไรบ้าง
การฉีดไขมันหน้าอกมีประโยชน์มากกว่าที่คิด
- เสริมขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นได้ด้วยไขมันตัวเอง ไม่ต้องใช้สิ่งแปลกปลอมอย่างซิลิโคนมาเสริมเลย
- หน้าอกที่ได้จากการฉีดไขมันหน้าอกจะเป็นธรรมชาติมาก สัมผัสนุ่มนิ่มเหมือนของจริง
- เนินอกดูเต็มขึ้น ใส่เสื้อผ้าแล้วดูดีขึ้น
- ไม่เจ็บตัวมาก ไม่ต้องผ่าตัดและแผลจากการฉีดไขมันหน้าอกเล็กมาก ๆ เพียง 1-2 มม.เท่านั้น
- สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ไม่ต้องการได้อีกทาง
เปรียบเทียบการฉีดไขมันหน้าอก VS การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
ใครที่ลังเลว่าจะฉีดไขมันหน้าอกหรือเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนดี เราได้นำข้อมูลทั้งของอย่างนี้มาเปรียบเทียบให้ดูได้ง่าย ๆ
ฉีดไขมันหน้าอก | เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน |
ใช้เซลล์ไขมันส่วนเกินจากร่างกายของตนเองเป็นวัตถุดิบในการเสริมหน้าอก | ใช้ซิลิโคนเป็นวัสดุในการเสริมหน้าอก |
ไม่ต้องผ่าตัด | ต้องผ่าตัดเพื่อนำซิลิโคนเข้าไปบริเวณหน้าอก |
แผลหลังการเสริมหน้าอกมีขนาดเล็กมากเพียงหัวปากกา | มีแผลผ่าตัดประมาณ 2-3 ซม. และมีความเสี่ยงต่อการเกิดพังผืด |
ใช้เวลาพักฟื้นน้อยมากเพียง 1 วัน | ใช้เวลาพักฟื้นนานประมาณ 3-7 วัน และอาจมีอาการปวดบริเวณผ่าตัด |
ทรงหน้าอกขึ้นอยู่กับทรงหน้าอกเดิม | สามารถเลือกทรงหน้าอกได้หลายแบบ |
ไม่สามารถเพิ่มไซซ์หน้าอกให้ใหญ่ขึ้นหลาย ๆ คัพได้ | สามารถเสริมหน้าอกให้ใหญ่กว่าเดิมได้หลายคัพ |
ปริมาณและขนาดหน้าอกขึ้นกับฐานหน้าอกเดิมและปริมาณไขมันที่ดูดมาได้ | ปริมาณและขนาดสามารถเลือกได้ |
หลังฉีดไขมันหน้าอกอาจมีขนาดเล็กลงได้หากมีการลดน้ำหนัก | ขนาดหน้าอกหลังเสริมซิลิโคนจะยังคงขนาดเดิม |
หากคุณอยากได้หน้าอกไซซ์ใหญ่มาก ๆ หรือเป็นคนตัวเล็กที่ไม่มีไขมันส่วนเกินแต่อยากเสริมหน้าอก ก็อาจเหมาะกับการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
แต่หากคุณอยากเสริมหน้าอกเพื่อเติมเต็มเนินอก ไม่ได้อยากได้ขนาดหน้าอกที่ใหญ่มากต้องการความสวยแบบธรรมชาติและเป็นผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินตามร่างกายมาก หรือเป็นคนที่กลัวการผ่าตัดก็อาจเหมาะกับการฉีดไขมันหน้าอก
การเสริมหน้าอกทั้งสองแบบมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ดังนั้นคุณควรจะต้องถามตัวเองก่อนว่ามีความต้องการเสริมหน้าอกแบบไหนหรือมีข้อจำกัดอะไรหรือไม่
ฉีดไขมันหน้าอก ใช้ไขมันจากส่วนใด
คำถามที่หลายคนมักสงสัยว่าเวลาจะฉีดไขมันหน้าอกต้องใช้ไขมันจากส่วนใด จริง ๆ แล้วสามารถใช้ไขมันจากบริเวณที่มีไขมันส่วนเกินมาก และเป็นบริเวณที่คนไข้ไม่ต้องการได้ โดยบริเวณที่นิยมนำไขมันส่วนเกินมาใช้มีดังนี้
บริเวณหน้าท้อง
จะดีกว่าหรือไม่หากการฉีดไขมันหน้าอกสามารถทำให้ไขมันหน้าท้องยุบลงได้ด้วย คนไข้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากสามารถนำไขมันบริเวณนี้มาใช้ฉีดไขมันหน้าอกได้
บริเวณสะโพก
เป็นอีกบริเวณที่นิยมดูดไขมันส่วนเกินไปใช้เสริมหน้าอก เพราะบริเวณสะโพกเป็นบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่มาก และเหมาะสำหรับคนไข้ที่ไม่ค่อยมีปัญหาไขมันส่วนเกินบริเวณไม่พึงประสงค์อย่างหน้าท้อง
บริเวณต้นขา
คนไข้ที่มีปัญหาต้นขาใหญ่จากการสะสมของไขมันส่วนเกินมากมักนิยมใช้ไขมันส่วนนี้ในการฉีดไขมันหน้าอก และบริเวณต้นขายังเป็นบริเวณที่ทำการดูดไขมันได้ง่าย คนไข้ไม่ต้องเปลี่ยนท่าบ่อยขณะทำหัตถการอีกด้วย
บางครั้งหากการดูดไขมันจากบริเวณเดียวไม่เพียงพอ แพทย์ก็อาจแจ้งคนไข้เพื่อพิจารณาดูดไขมันจากส่วนอื่นร่วมด้วย
ก่อนฉีดไขมันหน้าอกต้องรู้อะไรบ้าง
ถึงแม้ว่าการฉีดไขมันหน้าอกจะมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ก่อนที่คุณจะตัดสินใจฉีดไขมันหน้าอกควรจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ก่อน
ฉีดไขมันหน้าอก มีข้อจำกัดอย่างไร
การฉีดไขมันหน้าอกเป็นการแก้ปัญหาหน้าอกเล็กให้ใหญ่ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นขนาดของหน้าอกที่ได้หลังฉีดไขมันหน้าอกอาจไม่ได้ใหญ่ขึ้นมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฐานหน้าอกของคนไข้และปริมาณไขมันที่ดูดได้จากบริเวณอื่น ๆ ในร่างกายอีกด้วย
การฉีดไขมันหน้าอกยังมีความเสี่ยงอีกประการคือแพทย์ที่ทำการรักษาจะต้องมีความเชี่ยวชาญมาก ต้องทราบว่าบริเวณไหนสามารถดูดไขมันออกมาใช้ได้บ้าง ต้องใช้ไขมันเท่าไหร่ เพราะหลายครั้งหลังฉีดไขมันหน้าอกแล้วไม่ได้ผลก็มีสาเหตุมาจากแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ เก็บไขมันและกะปริมาณไขมันที่ใช้ไม่ถูกต้อง ทำให้เซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปตายและยุบตัวลงได้
ฉีดไขมันหน้าอก อยู่ได้นานแค่ไหน
หลังฉีดไขมันหน้าอกจะต้องใช้เวลาในการปลูกถ่ายเซลล์ไขมันประมาณ 1-6 เดือน ในระหว่างนี้ไขมันที่ฉีดเข้าไปที่หน้าอกอาจยุบลงไปได้ราว ๆ 10-30% ทั้งนี้ขึ้นกับพฤติกรรมหลังฉีดไขมันหน้าอกของคนไข้แต่ละคนด้วย (แต่ปกติแพทย์จะฉีดไขมันหน้าอกให้เผื่อการตายของเซลล์ไขมันจนเกิดการยุบตัวไว้อยู่แล้ว)
และเมื่อการปลูกถ่ายเสร็จสิ้น เซลล์ไขมันติดแล้วก็จะอยู่ได้ตลอดชีวิต กลายเป็นเซลล์ไขมันบริเวณหน้าอกจริง ๆ เลย
ฉีดไขมันหน้าอก มีรอยแผลตรงไหนบ้าง
การฉีดไขมันหน้าอกจะเกิดรอยแผลจากขั้นตอนการดูดไขมันและขั้นตอนการฉีดไขมันหน้าอก โดยแผลที่เกิดจากการดูดไขมันจะมีขนาดประมาณ 3-4 มม. บริเวณที่เกิดแผลขึ้นอยู่กับว่าคนไข้และแพทย์เลือกที่จะเก็บไขมันส่วนเกินจากบริเวณใด
และแผลที่เกิดจากการฉีดไขมันหน้าอกจะมีขนาดประมาณ 1-2 มม. อยู่บริเวณใต้เต้านมทั้งสองข้าง เป็นบริเวณที่สังเกตได้ยากเนื่องจากปกติแล้วจะโดนบังจากเต้านม ซึ่งปกติแล้วแพทย์จะดูแลแผลให้ไม่เกิดรอยแผลเป็นอยู่แล้ว
ผู้ที่เหมาะกับการฉีดไขมันหน้าอก
- ผู้ที่มีปัญหาหน้าอกเล็กและอยากมีขนาดหน้าอกใหญ่ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่อยากหน้าอกใหญ่แต่ไม่อยากผ่าตัดเสริมซิลิโคน
- ผู้ที่มีปัญหาไม่มีเนินอก ทำให้ตัวเลือกการใส่เสื้อผ้าน้อย
- ผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย คุณแม่หลังให้นมบุตร
- ผู้ที่มีขนาดหน้าอกทั้งสองข้างไม่เท่ากัน
- ผู้ที่อยากผ่าตัดนำซิลิโคนออก แต่อยากให้หน้าอกยังเต่งตึงอยู่
- ผู้ที่มีความกังวลเรื่องอาการแพ้ซิลิโคน
แนวทางการเตรียมตัวก่อนฉีดไขมันหน้าอก
- เข้าปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการรักษา
- แพทย์จะขอตรวจหาความผิดปกติในหน้าอกก่อนการวางแผนฉีดไขมันหน้าอก เช่นการทำอัลตราซาวด์ การตรวจ Mammogram
- หากผลการตรวจเป็นปกติและตกลงกับแพทย์เป็นที่เรียบร้อย แพทย์จะให้คนไข้กลับไปดูแลตนเองและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าฉีดไขมันหน้าอก ดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
- งดสูบบุหรี่ งดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดก่อนเข้ารักษาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- หากมียารับประทานในช่วงนั้นหรือมียาประจำตัวให้แจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- ในวันที่เข้ารับการฉีดไขมันหน้าอกจะต้องเตรียมตัวดังนี้
- ใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ สบายตัว และเป็นไปได้ให้ใส่เสื้อสีเข้ม ๆ เนื่องจากหลังทำอาจพบน้ำซึมออกมาได้
- ไม่ใส่เครื่องประดับทุกชนิดและงดทาครีมบำรุงผิวและใช้เครื่องสำอาง
- ต้องพาเพื่อนหรือญาติมาด้วยอย่างน้อย 1 คน ห้ามขับรถกลับบ้านเอง
ขั้นตอนการฉีดไขมันหน้าอก
การฉีดไขมันหน้าอกสามารถแบ่งขั้นตอนได้เป็น 3 ขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
1. การดูดไขมัน
อันดับแรกแพทย์จะเก็บวัตถุดิบที่ใช้ในการเสริมหน้าอกอย่างไขมันส่วนเกินในร่างกายของคนไข้ออกมาเสียก่อน โดยการดูดไขมันจะดูดออกจาบริเวณที่มีไขมันส่วนเกินมาก ๆ หรือเป็นบริเวณที่คนไข้ไม่ต้องการ
ในขั้นตอนการดูดไขมัน แพทย์จะทำความสะอาดฆ่าเชื้อบริเวณที่จะเจาะดูดไขมัน จากนั้นจะใช้เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet ในการเก็บไขมันออกมา จะช่วยให้ไขมันที่ดูดออกมามีคุณภาพดีที่สุด ได้เซลล์ไขมันที่ยังมีชีวิตอยู่มากที่สุด อีกทั้งยังทำให้คนไข้เจ็บตัวน้อยและหายไวที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องดูดไขมันแบบอื่น ๆ
2. คัดแยกเซลล์ไขมัน
ไม่ใช่ว่าเซลล์ไขมันที่ดูดมาได้จะสามารถใช้งานได้ทั้งหมด เพื่อให้ได้เซลล์ไขมันที่มีคุณภาพที่สุดจะต้องมีการคัดแยกเซลล์ไขมันเสียก่อน จากนั้นจะนำเซลล์ไขมันไปปั่นเพื่อให้ได้ขนาดเล็กตามความต้องการ
3. ฉีดไขมันหน้าอก
หลังจากเตรียมวัตถุดิบอย่างไขมันเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะฉีดไขมันที่เตรียมมาเข้าไปบริเวณหน้าอก โดยการฉีดไขมันหน้าอกอาจแตกต่างกันตามแต่ละเคส หลังจากฉีดไขมันหน้าอกเสร็จแพทย์จะให้คนไข้พักฟื้นดูอาการที่คลินิกสักพักหนึ่งก่อนให้คำแนะนำการดูแลตนเองและอนุญาตให้กลับบ้าน
หลังฉีดไขมันหน้าอก จะมีอาการอย่างไร
หลังฉีดไขมันหน้าอกอาจพบอาการไม่พึงประสงค์ได้บ้าง เช่น อาการคัดเต้านม อาการเวียนหัวคลื่นไส้หลังทำทันที อาการปวด บวม ฟกช้ำในบริเวณที่ดูดไขมัน มีน้ำซึมออกจากบริเวณที่ดูดไขมัน ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการที่พบได้เป็นปกติและสามารถหายได้เองภายในไม่กี่วันหลังฉีดไขมันหน้าอก
แนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดไขมันหน้าอก
หลังการฉีดไขมันหน้าอกในช่วงแรกเป็นช่วงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษเพราะเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างการปลูกถ่ายเซลล์ไขมันบริเวณหน้าอก การฉีดไขมันหน้าอกจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองด้วย
สิ่งที่ควรทำหลังฉีดไขมันหน้าอก
- เข้าพบแพทย์เพื่อทำความสะอาดแผลทุกวันจนกว่าจะถึงวันตัดไหม
- รับประทานยาฆ่าเชื้อและยาอื่น ๆ ประคบร้อนประคบเย็นตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- ใส่ชุดกระชับสัดส่วนหลังดูดไขมันเพื่อให้บริเวณที่ดูดไขมันไปกระชับขึ้น ไม่หย่อนคล้อยเนื่องจากไขมันหายไป
สิ่งที่ควรเลี่ยงหลังการฉีดไขมันหน้าอก
- งดการใส่ชุดชั้นในในช่วง 1-3 วันแรก ให้ใส่ซิลิโคนแปะหัวนมแทน
- งบบีบหน้าอก การนอนคว่ำ นอนตะแคง และระวังไม่ให้หน้าอกถูกกระแทก เพราะอาจทำให้เซลล์ไขมันตายได้
- ในช่วงที่ยังไม่ตัดไหมห้ามให้แผลโดนน้ำเด็ดขาด
- งดการรับประทานอาหารประเภทหมักดอก อาหารทะเล อาหารไม่สุก อาหารแสลงเพราะอาหารเหล่านี้อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรืออาการแพ้อักเสบได้
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและลดน้ำหนัก เพราะจะทำให้ไขมันหายไป
- งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมีส่วนทำให้เซลล์ไขมันตายและไขมันไม่ติดได้
- ในช่วงปลูกถ่ายเซลล์ไขมัน ไม่ใส่ชุดชั้นในหรือเสื้อผ้าที่รัดรูปเกินไปเพราะเสี่ยงต่อการทำให้เซลล์ไขมันตายได้
สรุปเรื่องฉีดไขมันหน้าอก
การฉีดไขมันหน้าอกเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาหน้าอกเล็กให้มีขนาดใหญ่สมส่วนขึ้น เสริมความมั่นใจได้อีกขั้น นอกจากนี้การเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันหน้าอกยังช่วยในเรื่องการกำจัดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ไม่ต้องการได้อีกด้วย