เพราะในบางครั้งการป้องกัน การคุมกำเนิดอาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ เพื่อลดโอกาสไม่ให้เกิดความผิดพลาดที่ยากจะแก้ไขจึงมีวิธีหนึ่งที่สามารถใช้ในยามฉุกเฉิน คือ ยาคุมฉุกเฉินนั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตามยาคุมฉุกเฉินนั้นเป็นยาที่ควรใช้เฉพาะช่วงเวลาฉุกเฉินเท่านั้น เพราะทั้งประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ต่ำกว่ายาคุมกำเนิดชนิดทานทุกวัน และยังตามมาด้วยอาการข้างเคียงที่รุนแรงอีกด้วย
ถึงจะบอกว่ายาคุมฉุกเฉินมีข้อเสียค่อนข้างมาก แต่อย่างน้อยยาคุมฉุกเฉินก็ยังสามารถเพิ่มโอกาสยับยั้งการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ จึงดีกว่าหากใช้ยาคุมฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์ที่การป้องกันไม่ได้ประสิทธิภาพ
หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน แต่ไม่ทราบว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร ในบทความนี้จะกล่าวถึงหน้าที่ของยาคุมฉุกเฉิน วิธีการใช้ยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้อง รวมถึงราคายาคุมฉุกเฉินของแต่ละยี่ห้ออย่างคร่าว ๆ ให้ผู้อ่านได้ตัดสินใจว่าจะใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างไร
รู้จักยาคุมฉุกเฉิน
ยาคุมฉุกเฉิน (Emergency Contraceptive Pills, Morning-After Pills) เป็นยาฮอร์โมนเพศสังเคราะห์ที่มีขนาดสูงกว่าปกติ ใช้สำหรับรับประทานหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการป้องกันอย่างไม่มีประสิทธิภาพเพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
โดยยาคุมฉุกเฉินจะไปรบกวนการตกไข่หรือเลื่อนการตกไข่ออกไป หรืออาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะกับการฝังตัวของตัวอ่อน ทำให้ลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้
แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดการตั้งครรภ์แน่นอน เพราะหากไข่และอสุจิเกิดการปฏิสนธิหรือเกิดการฝังของตัวอ่อนแล้ว ยาคุมฉุกเฉินก็ไม่สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้
นอกจากนี้ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินยังขึ้นอยู่กับระยะเวลารับประทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งรับประทานช้าเท่าไหร่ โอกาสการยับยั้งการตั้งครรภ์ก็ยิ่งลดลงมากเท่านั้น ดังนั้นหากต้องการยับยั้งการตั้งครรภ์ควรรีบใช้ยาคุมฉุกเฉินทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยอาจไปซื้อยาคุมฉุกเฉินได้ตามร้านขายยาใกล้บ้าน จำไว้ ยาคุมฉุกเฉิน ราคาไม่แพงไปกว่าการตั้งครรภ์แน่นอน
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาฮอร์โมนที่มีข้อบ่งชี้ในการใช้ค่อนข้างมาก ผู้ที่สามารถหรือผู้ที่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินมีดังนี้
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน อาจมาจากความไม่ตั้งใจจะมีเพศสัมพันธ์และไม่เคยคุมกำเนิดมาก่อน
- ผู้ที่มีการคุมกำเนิดไม่ถูกต้อง หรือล้มเหลว เช่น ถุงยางแตก ถุงยางหลุด ขณะมีเพศสัมพันธ์
- ผู้ที่ล้มเหลวในการหลั่งภายนอก เช่น หลั่งในช่องคลอด หลั่งบริเวณอวัยวะเพศด้านนอก
- ผู้ที่คุมกำเนิดด้วยวิธีนับวันมีเพศสัมพันธ์ผิดพลาด
- ผู้ที่รับประทานยาคุมผิดวิธี หรือลืมรับประทานยาคุม
- ผู้ที่เลยกำหนดฉีดยาคุมกำเนิด
- สตรีถูกข่มขืน
หากคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มนี้และไม่ต้องการให้เกิดการตั้งครรภ์สามารถใช้ยาคุมฉุกเฉินได้ โดยเริ่มรับประทานให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์เท่าที่จะเร็วได้ เพราะหากไข่และอสุจิปฏิสนธิแล้วและเกิดการฝังตัวของตัวอ่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะไม่สามารถยับยั้งการตั้งครรภ์ได้อีกต่อไป
ราคายาคุมฉุกเฉินที่ขายในท้องตลาด
ยาคุมฉุกเฉิน ราคาโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 40-80 บาทต่อแผง ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและแหล่งจำหน่าย โดยตัวยาของยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีตัวยาสำคัญเหมือนกัน คือ levonorgestrel ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศ สามารถลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้กว่า 90% หากมีการรับประทานอย่างถูกวิธี แต่การที่ราคายาคุมฉุกเฉินแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อนั้นเนื่องจากแหล่งผลิตและการกำหนดราคาขายของแต่ละยี่ห้อนั่นเอง
ยาคุมฉุกเฉินสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยสามารถติดต่อกับเภสัชกรประจำร้านขายยาได้เลย เภสัชจะจ่ายยาคุมฉุกเฉินและให้คำแนะนำการใช้ยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้องได้
เปรียบเทียบราคายาคุมฉุกเฉินแต่ละยี่ห้อ
1. ยาคุมฉุกเฉินมาดอนน่า (Madonna)
ยาคุมฉุกเฉินมาดอนน่า เป็นยาคุมฉุกเฉินชนิด 2 เม็ดต่อแผง โดยใน 1 เม็ดมีตัวยา levonorgestrel 0.75 มิลลิกรัม โดยยาคุมฉุกเฉินมาดอนนามีต้นแบบมาจากยาคุมฉุกเฉินโพสตินอร์ ซึ่งมาดอนน่าผลิตโดยบริษัทคนไทย ทำให้ราคายาคุมฉุกเฉินมาดอนนามีราคาถูกกว่า
ยาคุมฉุกเฉิน madonna ราคา 40 บาทต่อแผง
2. ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อโพสตินอร์ (Postinor)
ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อโพสตินอร์ เป็นยาคุมฉุกเฉินชนิด 2 เม็ดต่อแผง โดยใน 1 เม็ดมีตัวยา levonorgestrel 0.75 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นฮอร์โมนกลุ่มโปรเจสติน สามารถชะลอและยับยั้งการตกไข่ได้ แต่หากรับประทานหลังจากที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมน LH สูงสุด หรือช่วงที่ไข่ตกแล้วการรับประทานยาคุมกำเนิดจะไม่ได้ผล
ยาคุมฉุกเฉินโพสตินอร์ ราคา 60 บาทต่อแผง
3. ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อแมรี่พิงค์ (Mary Pink)
ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อแมรี่พิงค์ เป็นยาคุมฉุกเฉินชนิด 2 เม็ดต่อแผง ใน 1 เม็ดมีตัวยา levonorgestrel 0.75 มิลลิกรัม จะต้องรับประทานทั้งสองเม็ด โดยอาจรับประทานครั้งเดียวทั้ง 2 เม็ดหรือรับประทานครั้งละเม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมงก็ได้
แมรี่พิงค์ ยาคุมฉุกเฉิน ราคา 40 บาทต่อแผง
4. ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อแทนซี่วัน (Tansy ONE)
ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อแทนซี่วัน เป็นยาคุมฉุกเฉินชนิดเม็ดเดียว โดยมีตัวยา levonorgestrel 1.5 มิลลิกรัมต่อเม็ด สามารถใช้ลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้เทียบเท่ากับยาคุมชนิด 2 เม็ด เพราะจำนวนตัวยา levonorgestrel เมื่อรวมกันสองเม็ดจะมีปริมาณเท่ากัน
แต่ยาคุมฉุกเฉินชนิด 1 เม็ดอาจใช้สะดวกกว่าสำหรับบางคน เนื่องจากไม่ต้องมาพะวงว่าจะลืมทานอีกเม็ดหรือไม่
ราคายาคุมฉุกเฉินยี่ห้อแทนซี่วัน (Tansy ONE) 80 บาทต่อแผง
5. ยาคุมฉุกเฉินเมเปิ้ล ฟอร์ท (Maple Forte)
ยาคุมฉุกเฉินเมเปิ้ล ฟอร์ทก็เป็นยาคุมฉุกเฉินชนิดเม็ดเดียวที่มีตัวยา levonorgestrel 1.5 มิลลิกรัมต่อเม็ด สามารถเลื่อนการตกไข่ ชะลอการตกไข่เพื่อไม่ให้มาเจอกับอสุจิจนปฏิสนธิได้ โดยการรับประทานจะได้ผลก็ต่อเมื่อยังไม่มีการตกไข่นั่นเอง
ยาคุมฉุกเฉินเมเปิ้ล ราคา 55 บาทต่อแผง
ข้อควรระวังก่อนใช้ยาคุมฉุกเฉิน
- ยาคุมฉุกเฉินมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก เช่น ประจำเดือนมาผิดปกติ ปวดศีรษะ ปวดท้องน้อย คลื่นไส้อาเจียน โดยมักจะพบบ่อย ๆ ในยาคุมฉุกเฉินชนิดเม็ดเดียว เนื่องจากร่างกายได้รับฮอร์โมนที่สูงกว่าปกติภายในครั้งเดียว หากต้องการหลีกเลี่ยงหรือลดอาการผลข้างเคียงสามารถเลือกรับประทานยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด รับประทาน 2 ครั้งได้
- ถึงแม้ว่ายาคุมกำเนิด ราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่าย แต่การใช้ยาคุมกำเนิดก็ไม่สามารถมาใช้ทดแทนการคุมกำเนิดด้วยยาคุมกำเนิดชนิดทานทุกวันได้ เนื่องจากการรับประทานยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ จะทำให้ประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์ในครั้งถัด ๆ ไปลดลง และมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์สูงขึ้น
- ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นยาฮอร์โมนที่มีความเข้มข้นสูงมาก เมื่อรับประทานยาคุมฉุกเฉินเข้าไปร่างกายจะได้รับฮอร์โมนเพศที่มากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงอย่างรุนแรง รวมไปถึงเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งปากมดลูกได้อีกด้วย
- ยาคุมฉุกเฉินทำหน้าที่เพียงลดโอกาสการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้เท่านั้น ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้
- พึงระลึกไว้เสมอว่ายาคุมฉุกเฉินทำได้เพียงลดโอกาสการตั้งครรภ์ แต่ไม่สามารถทำให้ไม่เกิดตั้งครรภ์ได้ 100% ดังนั้นถึงแม้ว่าจะรับประทานยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกวิธีแล้วก็ตามแต่ก็ยังมีโอกาสที่การตั้งครรภ์จะสำเร็จได้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือภาวะดังต่อไปนี้ห้ามใช้ยาคุมฉุกเฉิน
- โรคมะเร็งอวัยวะภายในของผู้หญิง มะเร็งเต้านม
- โรคตับแข็ง มะเร็งตับ
- ความดันโลหิตสูง
- โรคลิ่มเลือดอุดตัน
- ผู้ที่ใช้ยากันชัก
- ไมเกรนชนิดมีอาการเตือน (Migraine with aura)
- โรคเบาหวานที่มีภาวะไตทำงานผิดปกติ หรือมีภาวะหลอดเลือดผิดปกติ
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- อายุมากกว่า 35 ปีและสูบบุหรี่ น้ำหนักเกินเกณฑ์ มีไขมันในเลือดสูง
- ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเกินสัปดาห์ละ 1 แผง และไม่เกิน 2 ครั้งต่อเดือน เนื่องจากการที่ร่างกายได้รับฮอร์โมนสูงบ่อย ๆ จะส่งผลให้ระบบสืบพันธุ์สร้างฮอร์โมนผิดปกติ
วิธีกินยาคุมฉุกเฉินอย่างปลอดภัย
วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน กินตอนไหน กินอย่างไรให้ปลอดภัย เราควรรู้ก่อนว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินสามารถรับประทานได้ 2 วิธี โดยที่ทั้ง 2 วิธีให้ประสิทธิภาพยับยั้งการตั้งครรภ์ได้ไม่แตกต่างกัน
ในยาคุมฉุกเฉินจะประกอบไปด้วย levonorgestrel ซึ่งในแต่ละยี่ห้ออาจแตกต่างกันในเรื่องของปริมาณตัวยาและจำนวนเม็ดยาต่อแผง แต่โดยปกติแล้วการรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะต้องได้รับ levonorgestrel 1.5 มิลลิกรัม เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันที่มากขึ้น
ซึ่งยาคุมฉุกเฉินที่วางขายในท้องตลาดจะพบอยู่ 2 แบบคือ 1 เม็ดต่อแผง (มีปริมาณ levonorgestrel 1.5 มิลลิกรัมต่อเม็ด) และ 2 เม็ดต่อแผง (มีปริมาณ levonorgestrel 0.75 มิลลิกรัมต่อเม็ด) ในแต่ละแบบมีวิธีกินดังนี้
วิธีกินยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด
ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดจะมีตัวยา levonorgestrel 1.5 มิลลิกรัม ให้รับประทานเพียง 1 เม็ด ครั้งเดียวหลังมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด อย่างช้าไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
วิธีกินยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด
ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ดจะมีตัวยา levonorgestrel เม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม สามารถรับประทานได้ 2 แบบคือ
- รับประทานทีเดียวครั้งเดียวทั้ง 2 เม็ด โดยให้รับประทานหลังมีเพศสัมพันธ์ทันที อย่างช้าไม่เกิด 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
- รับประทานครั้งละ 1 เม็ด โดยเม็ดแรกให้รับประทานหลังมีเพศสัมพันธ์ทันที อย่างช้าไม่เกิด 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ และเม็ดที่ 2 ให้รับประทานห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง
จุดสำคัญของการรับประทานยาคุมฉุกเฉินที่ให้ประสิทธิภาพสูงที่สุดคือระยะเวลาการรับประทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยประสิทธิภาพของยาจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อระยะเวลาหลังมีเพศสัมพันธ์มากขึ้น และเมื่อเกิน 72 ชั่วโมงการรับประทานยาคุมหลังจากนั้นก็จะไม่สามารถป้องกันได้อีก
ข้อสรุป
ยาคุมฉุกเฉินเป็นทางเลือกสุดท้ายในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และเป็นวิธีที่ให้ประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำ และตามมาด้วยผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง ดังนั้นควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเฉพาะเวลาฉุกเฉินเท่านั้น