คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดศีรษะเรื้อรัง แถมยังได้ทำการรักษาด้วยตัวเองทั้งจากการกินยาบรรเทาอาการปวด และยาป้องกันไมเกรนแล้ว แต่ยังคงมีอาการปวดรุนแรง ทำให้จำเป็นต้องมองหาวิธีรักษาแบบทางเลือก ซึ่งในที่นี้ก็คือ การฉีดโบท็อกไมเกรน แต่ควรทำภายใต้สภาวะที่ถูกต้องเหมาะสมเท่านั้น เราจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนข้างล่างนี้ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
โรคไมเกรน (Migraine)
ก่อนจะมาดูเรื่อง โบท็อกไมเกรน ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกับโรคก่อน โรคไมเกรน (Migraine) คือโรคที่เกิดจากการบีบตัว และคลายตัวของหลอดเลือดแดงในสมองมากกว่าปกติเป็นการปวดศีรษะที่รบกวนชีวิตประจำวัน โดยมีลักษณะการปวดแบบตุบ ๆ เป็นจังหวะ มักจะเกิดข้างเดียวของศีรษะ แต่ก็สามารถเป็นทั้งสองข้างได้
โดยอาการปวดในช่วงแรกมักมีความรุนแรงเพียงเล็กน้อย และจะค่อย ๆเพิ่มความรุนแรงขึ้น ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง และไวต่อแสงเสียง หรือกลิ่นมากขึ้น
สาเหตุการเกิดโรคไมเกรนยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรนก็มีอยู่หลายข้อ เช่น
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในผู้หญิง
- ความเครียด
- สภาพแวดล้อม เช่น แสงจ้าหรือแสงแฟลช เสียงดัง กลิ่นที่รุนแรง หรือสภาพอากาศเปลี่ยนฉับพลัน
- การใช้ยาบางชนิด
- การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือมากเกินไป
- ออกกำลังกายอย่างหักโหม หรือกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายมากเกินไป
- การสูบบุหรี่
- อาการถอนคาเฟอีน
- การอดอาหาร หรือการกินอาหารไม่เพียงพอ
วิธีรักษาไมเกรนมีอะไรบ้าง
ถึงแม้อาการปวดศีรษะไมเกรนยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นการรักษาจึงยังเน้นที่การบรรเทาอาการ และป้องกันการปวดศีรษะไมเกรนแทน เช่น
1.การรักษาโรคไมเกรนแบบทั่วไป
- การใช้ยาบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน ถ้าไม่รุนแรงก็ใช้ยาพาราเซตามอล หรือ ยาลดอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น NSAIDS , แต่ถ้าหากปวดถี่ และรุนแรงยิ่งขึ้น ก็ใช้ยา Triptans หรือยาที่มีส่วนผสมของ Ergotamine และถ้าหากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ก็ใช้ยา Domperidone, Metoclopramide เป็นต้น
- การใช้ยาป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน เช่น กลุ่มยาลดความดัน, กลุ่มยาต้านอาการซึมเศร้า, กลุ่มยากันชัก, กลุ่มยา Calcitonin gene-related peptide (CGRP) monoclonal antibodies
- การทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
- หลีกเลี่ยงปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรน
- นอนพักในที่มืด และเงียบสงบ
- ประคบเย็นบริเวณศีรษะ
- ปรับพฤติกรรมการนอน และการกิน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
2.การรักษาไมเกรนด้วยการผ่าตัด
เป็นการผ่าตัดนำเนื้อเยื่อที่เป็นต้นเหตุของอาการไมเกรนออกบางส่วนตามคำวินิจฉัยของหมอ
3.การฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน
การรักษาไมเกรนด้วย Botulinum Toxin ซึ่งเป็นทางเลือกที่นิยมมาก เพราะรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรนเรื้อรังได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลได้จริง
อาการปวดไมเกรนที่ควรเข้ารับการรักษา
ปวดไมเกรนมักมีอาการเหล่านี้ และถ้าเกิดอาการเหล่านี้จำนวนครั้งถี่ขึ้น หรือมีระยะเวลายาวนานเมื่อไร ก็ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อปรึกษาหาวิธีรักษา ซึ่งอาจเป็นโบท็อกไมเกรน ก็ได้
- ปวดหัวตุ๊บ ๆ บริเวณขมับ อาจปวดร้าวมาที่กระบอกตาหรือท้ายทอย และปวดหัวข้างเดียว หรือสองข้างก็ได้ อาการมีแต่แย่ลงเรื่อย ๆ โดยไม่ดีขึ้น
- มีอาการคลื่นไส้อาเจียนตลอดเวลา
- มีอาการแพ้แสงแพ้เสียง
- มีอาการมองเห็นผิดปกตินำ จะเห็นเป็นแสงไฟสีขาว ๆ มีขอบหยึกหยัก
- หอบเหนื่อย หายใจถี่
- พูดไม่เป็นคำ พูดไม่ชัด
- อ่อนเพลีย มึนงง สับสน และมีไข้ร่วมด้วย
ฉีดโบท็อกไมเกรนคืออะไร
การฉีดโบท็อกไมเกรน เป็นหนึ่งในวิธีที่หมอนำมาใช้ในการรักษาอาการปวดศีรษะแบบไมเกรน (Migraine) ปวดศีรษะจากความเครียด (Tension headache) หรือคนไข้ที่ปวดศีรษะอย่างน้อย 14 วันต่อเดือนขึ้นไป
รู้จักโบท็อก (Botulinum Toxin)
โบท็อก คือ สาร Botulinum toxin ชนิด A เป็นโปรตีนที่สกัดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อว่า แบคทีเรียคลอสตริเดียม บูโทลินัม (Clostridium botulinum) สารที่ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน และโรคอื่นทางระบบประสาท และสมอง รวมถึงอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ กล้ามเนื้อแข็งเกร็งผิดปกติ และยังช่วยบำบัด ออฟฟิศซินโดรม ด้วย
ฉีดโบท็อกช่วยรักษาไมเกรนได้อย่างไร
เมื่อใดก็ตามที่รักษาไมเกรนด้วยการฉีดโบท็อกไมเกรนนั้น โบท็อกสามารถเข้าไปยับยั้งปลายประสาทAcetyl Choline ตัวกลางในการส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมองที่ต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งอยู่คลายตัวลง จึงช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะให้น้อยลงได้ และยังช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการปวดศีรษะได้อีกด้วย
ใครที่ควรเข้ารับการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน
บุคคลที่ควรเข้ารับการรักษาไมเกรนด้วยการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน อาจจะเป็นบุคคลเหล่านี้
- คนที่กินยาแก้ปวดแล้วอาการไม่ทุเลาลง
- คนที่กังวลกับการกินยาที่อาจเสี่ยงต่อภาวะโรคกระเพาะอาหารอักเสบ แผลในกระเพาะอาหาร และความผิดปกติของค่าตับและไต
- คนที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม
- คนที่รักษาไมเกรนด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล
ใครที่ไม่ควรฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน
การฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนอาจจะไม่ใช่วิธีรักษาไมเกรนที่ดีสำหรับทุกคน จึงควรระวังก่อนที่จะทำการตัดสินใจรักษาไมเกรนด้วยวิธีนี้
- คนที่มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- คนที่มีปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจ
- คนที่มีภาวการณ์ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- คนที่มีอาการติดเชื้อบริเวณที่ต้องฉีดโบท็อก
- คนที่มีปัญหาด้านกล้ามเนื้อการกลืน
ข้อดี – ข้อจำกัดของการฉีดโบท็อกไมเกรน
เป็นเรื่องปกติที่ว่าในการรักษาไมเกรนแต่ละวิธีจะมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด
ข้อดีของการฉีดโบท็อกไมเกรน
- สามารถลดความรุนแรงของอาการปวดไมเกรน
- ช่วยคลายกล้ามเนื้อทุก ๆ บริเวณที่หดตัว เกร็ง
- ไม่ต้องกินยาในปริมาณมาก ๆ
- ไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษา
- ปลอดภัย และได้มาตรฐาน อย.ไทย
- การฉีดโบท็อกไมเกรนจะทำโดยหมอเฉพาะทางด้านระบบประสาทและสมอง
ข้อจำกัดของการฉีดโบท็อกไมเกรน
ผลการรักษาของการฉีดโบท็อกไมเกรนนั้นอาจอยู่ได้ 3 – 4 เดือน หรือนานสูงสูด คือ 6 เดือน แต่ก็ยังไม่สามารถฉีดติดต่อกันได้ ต้องมีการเว้นระยะการฉีด เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียง รวมถึงอาการดื้อโบท็อก
ฉีดโบท็อกไมเกรนมีผลข้างเคียงหรือไม่
ปัจจุบันผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกไมเกรนมีค่อนข้างน้อย และไม่สร้างอันตรายแน่นอน แต่นั่นต้องมาจากโบท็อกที่ใช้ฉีดนั้นเป็นของแท้ และต้องได้รับการรักษาจากหมอผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เท่านั้น
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน
การฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนนั้น หมอจะฉีดโบท็อกไปที่บริเวณใบหน้าระหว่างคิ้ว หน้าผาก ท้ายทอยต้นคอและบ่า เพื่อช่วยลดอาการปวดศีรษะ ขั้นตอนการปฏิบัติมีดังนี้
- พบหมอเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน
- เตรียมตัวเข้ารักษาการฉีดโบท็อก พร้อมทั้งศึกษาเกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังฉีด
- เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการฉีดโบท็อก หมอจะเลือกบริเวณรอบศีรษะที่จะฉีดรวม 31 จุด
- เมื่อฉีดครบ จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายในวันที่ 3 – 5 ของการฉีดโบท็อก
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกไมเกรน
หลังจากเข้ารับการรักษาไมเกรนด้วยการฉีดโบท็อกไมเกรน ยังมีข้อปฏิบัติที่ควรระมัดระวังมากขึ้น เช่น
- เลี่ยงพฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะ เช่น อยู่ในที่ ๆ มีเสียงดัง มีแสงสว่างจ้าเกินไป สภาพแวดล้อมที่แออัด มีกลิ่นควันบุหรี่ เป็นต้น
- เลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ง่าย ๆ เช่น ชา กาแฟ
- พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียดลง
- งดนอนราบ 3 – 4 ชั่วโมงหลังฉีด
- งดการกด การนวดบริเวณที่ฉีด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ให้คอยสังเกตอาการผิดปกติหลังการฉีด และพบหมอทันที
- ไม่ควรฉีดโบท็อกไมเกรนถี่เกินไป อย่างต่ำควรเว้น 3 เดือน เพื่อไม่ให้เกิดอาการดื้อโบท็อกได้
ฉีดโบท็อกไมเกรนกี่วันเห็นผล
เมื่อฉีดโบท็อกไมเกรนแล้ว ตัวยาจะยังไม่ออกฤทธิ์ทันที ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3 – 4 วัน และจะออกฤทธิ์สูงสุดในสัปดาห์ที่ 2 และผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 3 – 4 เดือน จากนั้นโบท็อกจะค่อย ๆ หมดฤทธิ์
ฉีดโบท็อกไมเกรนราคาเท่าไหร่
ราคาการฉีดโบท็อกไมเกรนนั้น ขึ้นอยู่กับว่านำเข้ามาจากประเทศอะไร ราคาจะเริ่มต้นที่ 5,500 บาท / 60 ยูนิต หรือ 7,000 – 9,000 บาท / 100 ยูนิต บางแห่งก็จะคิดการรักษา / ครั้ง เช่น 9,900 บาท / ครั้ง / เวลา 3 – 6 เดือน
ฉีดโบท็อกไมเกรนที่ไหนดี
ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว การฉีดโบท็อกไมเกรนต้องทำโดยหมอที่เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ ในสถานที่/คลินิกที่ได้มาตรฐาน ในที่นี้ขอแนะนำ BTX Migraine Center ที่เป็นศูนย์รักษาไมเกรนโดยเฉพาะทางโดยหมอผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์
- คลินิกที่ได้มาตรฐาน น่าเชื่อถือ และมีคุณภาพ มีอุปกรณ์ครบครัน เครื่องมือทันสมัยและมีประสิทธิภาพ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญและใส่ใจในด้านการบริการเป็นอย่างดี
- มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะในการรักษาและให้คำแนะนำ
- Botulinum toxin เป็นของแท้และมีคุณภาพ และราคาคุ้มค่า สอดคล้องกับคุณภาพ
- มีบริการดีทั้งก่อนและหลังการรักษา มีการติดตามเกี่ยวกับผลลัพธ์การรักษา
คำถามที่พบบ่อย
ฉีดโบท็อกไมเกรนใช้เวลานานเท่าไหร่
โดยประมาณแล้ว การฉีดโบท็อกไมเกรนใช้เวลาต่อจุดประมาณ 5 – 10 นาที หรือก็คือ 1 – 3 ชั่วโมงต่อครั้ง ช่วงเวลาที่ใช้ขึ้นกับแต่ละคลีนิกที่มีความเร็วแตกต่างกัน
ฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนให้หายขาดได้ไหม
โรคไมเกรนเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงแค่บรรเทาและลดอาการปวดศีรษะไมเกรนเป็นที่เข้าใจกันว่าการฉีดโบท็อกสามารถบรรเทาอาการปวดได้มากกว่า 70% ถ้าได้รับการฉีดที่เหมาะสม
ข้อสรุป
เนื่องจากโรคไมเกรนเกิดจากความผิดปกติชั่วคราวของระดับสารเคมีในสมอง ทำให้รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน แพ้แสง และปวดหัวตุ๊บ ๆ จนไม่เป็นอันทำงานทำการ ดังนั้นเราควรศึกษาโรคนี้ให้รู้เท่าทันและไม่ตื่นตระหนกเกินไป แต่หากยังเป็นอยู่เรื่อย ๆ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจโรคและรับรักษาอย่างถูกต้อง
หากสนใจและอยากจะรักษาไมเกรนด้วยการฉีดโบท็อกไมเกรน ก็จะช่วยบรรเทาและลดอาการปวดได้ดีและเร็วภายใน 3-5 วัน มีผลข้างเคียงน้อยมาก แถมราคาที่สามารถจับจ่ายได้ แต่ควรได้รับคำแนะนำจากหมอเชี่ยวชาญจากสถานที่ที่น่าเชื่อถือที่จะคอยดูแลอย่างดีและมีประสิทธิภาพ