โรคไบโพลาร์ เป็นภาวะที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์อย่างรุนแรงจากภาวะซึมเศร้าไปสู่ภาวะอารมณ์ดีหรือคลั่งได้อย่างรวดเร็ว ผู้ที่เป็นโรคนี้มักประสบปัญหาในการควบคุมอารมณ์ ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์ วิธีรักษาไบโพล่าร์จะรวมถึงการใช้ยาเพื่อควบคุมอารมณ์ การบำบัดทางจิตวิทยา และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับการรักษาโรคไบโพลาร์อย่างถูกต้องสามารถช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมอาการและใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ
ทำความรู้จัก โรคไบโพลาร์เป็นอย่างไร?
โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) หรือโรคอารมณ์สองขั้ว เป็นภาวะทางจิตที่ทำให้ผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงอารมณ์อย่างรุนแรงและไม่สามารถควบคุมได้ โดยอารมณ์จะมีทั้งช่วงที่รู้สึกซึมเศร้าและช่วงที่อารมณ์ดีหรือคลั่งมากเกินไป ช่วงที่มีอารมณ์ดีหรือคลั่งเรียกว่า “ภาวะแมเนีย” (Mania) ขณะที่ช่วงที่ซึมเศร้าจะทำให้รู้สึกหมดพลังและหมดหวัง โรคนี้สามารถส่งผลกระทบต่อการทำงาน การเรียน และความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน
ไบโพลาร์เกิดจากอะไร?
โรคไบโพล่าร์ เป็นภาวะทางจิตที่มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์จากภาวะซึมเศร้าไปสู่ภาวะแมนิกอย่างรุนแรง ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์ของผู้ป่วย แม้สาเหตุที่แท้จริงยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน แต่มีหลายปัจจัยที่สามารถส่งผลต่อการเกิดโรคไบโพลาร์ ดังนี้
- พันธุกรรม : หากมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคไบโพลาร์ จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคนี้
- ความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง : สารเคมีบางชนิดในสมอง เช่น เซโรโทนินและโดปามีน อาจมีการทำงานผิดปกติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงอารมณ์
- ความเครียดหรือเหตุการณ์ชีวิตที่ท้าทาย : ปัจจัยจากการเจอเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ เช่น การสูญเสียคนที่รัก หรือปัญหาชีวิตที่หนักหน่วง อาจกระตุ้นให้เกิดอาการของโรค
- ปัจจัยทางชีวภาพ : ปัญหาทางร่างกาย เช่น ฮอร์โมนที่ไม่สมดุล หรือการบาดเจ็บที่สมองอาจมีส่วนทำให้เกิดโรคไบโพลาร์
- การนอนหลับไม่เพียงพอ : การนอนหลับที่ไม่เพียงพอหรือผิดปกติอาจกระตุ้นอาการของโรคไบโพลาร์ในบางกรณี
โรคไบโพลาร์มีอาการแต่ละช่วงอย่างไร?
การเปลี่ยนแปลงของโรคไบโพลาร์สามารถเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและการทำงานของผู้ป่วย อาการของโรคไบโพลาร์สามารถแบ่งออกเป็นสองช่วงหลัก คือ ช่วงแมเนียที่อารมณ์สูงขึ้น และช่วงซึมเศร้าที่อารมณ์ตกต่ำ
ช่วงแมเนีย
- รู้สึกกระตือรือร้นมากเกินไป หรือตื่นเต้นจนเกินไป
- มีพลังงานสูง ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างรวดเร็วโดยไม่คิดถึงผลลัพธ์
- การพูดหรือคิดเร็วเกินไป จนอาจทำให้พูดไม่รู้เรื่อง
- การตัดสินใจผิดพลาด เช่น การใช้เงินเกินตัว หรือทำกิจกรรมที่เสี่ยง
- นอนน้อยหรือไม่รู้สึกง่วงแม้จะขาดการนอนหลับ
ช่วงซึมเศร้า
- รู้สึกหมดหวังและเศร้าใจตลอดเวลา
- ขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบ หรือไม่สามารถหาความสุขจากสิ่งใด
- พลังงานต่ำหรือรู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา
- มีปัญหาการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับหรือหลับมากเกินไป
- คิดถึงการทำร้ายตนเองหรือการฆ่าตัวตาย
วิธีวินิจฉัยไบโพลาร์โดยแพทย์
การวินิจฉัยโรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความระมัดระวังและความชำนาญของแพทย์ เนื่องจากอาการของโรคอาจคล้ายกับภาวะทางจิตอื่น ๆ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ที่ซับซ้อน แพทย์จะใช้หลายขั้นตอนในการวินิจฉัย เพื่อให้มั่นใจว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นโรคไบโพลาร์จริงและไม่ได้เกิดจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
- การสัมภาษณ์ผู้ป่วย : แพทย์จะเริ่มด้วยการพูดคุยกับผู้ป่วยเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการ การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ และประวัติสุขภาพจิตที่ผ่านมา รวมถึงปัจจัยที่อาจกระทบต่ออารมณ์ เช่น ความเครียดหรือปัญหาครอบครัว
- การประเมินประวัติครอบครัว : โรคไบโพลาร์มีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ดังนั้น การถามเกี่ยวกับประวัติสุขภาพจิตในครอบครัวจึงเป็นส่วนสำคัญในการวินิจฉัย
- การประเมินอาการทางคลินิก : แพทย์จะใช้เกณฑ์ทางคลินิก เช่น การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงอารมณ์และพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับภาวะแมนิกและซึมเศร้า ตามเกณฑ์ของ DSM-5 (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders)
- การตรวจสอบสุขภาพกาย : เนื่องจากบางอาการอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจเลือดหรือตรวจสุขภาพอื่น ๆ เพื่อให้การวินิจฉัยถูกต้อง
- การประเมินทางจิตวิทยา : อาจมีการทำการทดสอบจิตวิทยาหรือการทำจิตบำบัดเบื้องต้นเพื่อเข้าใจลักษณะและพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงของผู้ป่วย
การรักษาไบโพลาร์มีแบบใดบ้าง?
การรักษาโรคไบโพลาร์เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการดูแลจากแพทย์และทีมสุขภาพจิต โดยมีเป้าหมายหลักในการควบคุมอารมณ์ให้คงที่ ป้องกันการกำเริบของอาการ และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ การรักษาโรคไบโพล่ามีหลายวิธี ซึ่งรวมถึงการใช้ยาและการบำบัดทางจิตวิทยา ทั้งนี้ วิธีรักษาโรคไบโพล่าจะขึ้นอยู่กับอาการและระยะของโรค
- การใช้ยา : ยารักษาโรคไบโพล่ามักจะเป็นยากลุ่มอารมณ์ (Mood Stabilizers) เช่น ลิเทียม (Lithium) หรือยาต้านจิต (Antipsychotics) เพื่อควบคุมอาการในช่วงแมนิกและดีเพรสชัน แต่ยารักษาไบโพล่ามีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น น้ำหนักเพิ่ม อาการง่วงนอน หรือผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร ซึ่งแพทย์จะช่วยแนะนำและปรับยาตามอาการที่เกิดขึ้น
- การบำบัดทางจิตวิทยา : การทำจิตบำบัด (Psychotherapy) เช่น การบำบัดความรู้ความเข้าใจ (Cognitive Behavioral Therapy: CBT) หรือการบำบัดแบบระยะยาวช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้การจัดการกับอารมณ์และลดความเครียด
- การติดตามอาการ : แพทย์จะติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับยาหรือวิธีการรักษาให้เหมาะสมในแต่ละช่วง
สรุปเกี่ยวกับโรคไบโพลาร์
โรคไบโพลาร์ หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว เป็นภาวะทางจิตที่ทำให้ผู้ป่วยมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงรุนแรงจากภาวะซึมเศร้าไปสู่ภาวะแมเนีย โรคนี้ส่งผลกระทบต่อการทำงาน ความสัมพันธ์ และคุณภาพชีวิต โดยการวินิจฉัยโรคไบโพลาร์จะพิจารณาจากอาการทางคลินิกและประวัติทางสุขภาพของผู้ป่วย แล้วรักษาโดยการการใช้ยา เช่น ยาอารมณ์เสถียร (Mood Stabilizers) และการบำบัดทางจิตวิทยา เพื่อช่วยควบคุมอาการและจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์อย่างมีประสิทธิภาพ