ภูมิแพ้อากาศเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ปัญหามลพิษและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยภูมิแพ้อากาศเกิดจากเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบเมื่อสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไวต่อกลิ่นหรือสารกระตุ้นในอากาศ เช่น ไรฝุ่น, ขนสัตว์, เกสรดอกไม้ หรือมลพิษ อาจเกิดอาการคันจมูก จาม น้ำมูกไหล หรือคัดจมูกตามมาได้
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับภูมิแพ้อากาศอย่างลึกซึ้งว่าเกิดจากอะไร ผู้ที่เป็นภูมิแพ้อากาศจะมีอาการแบบไหน และมีวิธีรักษายังไง? เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภูมิแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis) เกิดจากสาเหตุอะไร?
ภูมิแพ้อากาศ หรือที่เรียกว่าโรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) เป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นในอากาศอย่างผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูกและทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบาย เช่น คันจมูก, น้ำมูกไหล, จาม หรือคัดจมูก
โรคภูมิแพ้อากาศนี้เกิดจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้หรือปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น, ขนสัตว์, เกสรดอกไม้ ควัน หรือมลพิษทางอากาศ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้เยื่อบุโพรงจมูกเกิดการระคายเคืองและอักเสบได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไวต่อสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ หรือในช่วงฤดูที่อากาศแปรปรวน
ภูมิแพ้อากาศ มีภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวังอะไรบ้าง
ภูมิแพ้อากาศไม่เพียงทำให้เกิดอาการไม่สบายในชีวิตประจำวัน แต่หากมีอาการภูมิแพ้อากาศที่รุนแรงมากขึ้น อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ดังนี้
อาการนอนกรน
อาการนอนกรนเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้หากเป็นภูมิแพ้อากาศรุนแรง โดยเกิดจากการคัดจมูกเรื้อรังที่ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง ส่งผลให้ผู้ป่วยต้องหายใจทางปากขณะนอนหลับ การไหลเวียนของอากาศที่ผิดปกติอาจทำให้เกิดเสียงกรน และในผู้ป่วยบางรายอาจพัฒนาเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ได้
โรคไซนัสอักเสบ
โรคไซนัสอักเสบ เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูกที่ส่งผลให้โพรงไซนัสระบายเมือกได้ไม่ดี ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคในโพรงไซนัส ผู้ป่วยจะมีอาการปวดบริเวณใบหน้า น้ำมูกข้น และอาจมีไข้ร่วมด้วยหากติดเชื้อลุกลาม
อาการของภูมิแพ้อากาศ สังเกตได้จากอะไรบ้าง?
ภูมิแพ้อากาศเป็นภาวะที่แสดงอาการหลากหลาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้ โดยอาการสามารถเกิดขึ้นในระดับความรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ลักษณะอาการที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- คัดจมูก หายใจลำบาก
- น้ำมูกไหล โดยมีน้ำมูกใส หรือไหลลงคอ
- จามบ่อย โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสอากาศเย็นหรือสารก่อภูมิแพ้
- คันจมูก หรือขยี้จมูกจนเป็นรอยที่สันจมูก
- เสียงขึ้นจมูก
- ตาแดง น้ำตาไหล
- คันตา แสบตา
- คันหู หูอื้อ หรือเจ็บหูด้านหลัง
- กระแอมบ่อยเพราะมีเสมหะติดคอ
- เจ็บคอ หรือมีอาการไอเรื้อรัง
นอกจากนี้ ยังมีอาการทางผิวหนังที่มีสาเหตุจากภูมิแพ้อากาศ เช่น คันตัว ผื่นขึ้น ผื่นลมพิษ รวมถึงอาจมีอาการผิวแห้ง แดง และเป็นขุยด้วยเช่นกัน
ภูมิแพ้กับแพ้อากาศ มีความแตกต่างกันอย่างไร?
ภูมิแพ้ คือ ภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้อย่างอาหาร ฝุ่น หรือเกสรดอกไม้มากเกินไป ทำให้เกิดอาการในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ผื่น, ลมพิษ, หายใจลำบาก หรืออาการในทางเดินหายใจ ส่วนภูมิแพ้อากาศนั้นเป็นโรคภูมิแพ้ประเภทหนึ่งที่เกิดจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ หรือเกสรดอกไม้ ส่งผลให้เกิดอาการเฉพาะในระบบทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูกไหล จาม หรือคัดจมูก โดยไม่เกี่ยวข้องกับการแพ้อาหารหรือสารเคมีนั่นเอง
ภูมิแพ้อากาศ มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง?
ภูมิแพ้อากาศ แก้ยังไง ต้องกินยาอะไรจึงจะหาย? แม้ว่าภูมิแพ้อากาศจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสารก่อภูมิแพ้สูง แต่โรคนี้สามารถจัดการและรักษาได้ เพื่อบรรเทาอาการและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน ดังนี้
- การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้: หมั่นทำความสะอาดบ้าน กำจัดไรฝุ่น ใช้เครื่องฟอกอากาศ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสเกสรดอกไม้ ขนสัตว์ หรือควันต่าง ๆ
- การรักษาภูมิแพ้อากาศด้วยการใช้ยา: รับประทานยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก หรือพ่นยาสเตียรอยด์ในจมูก ซึ่งควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
- การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy): ฉีดวัคซีนหรือใช้ยาเม็ดใต้ลิ้นเพื่อลดความไวของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ในระยะยาว
- การปรับพฤติกรรมและดูแลตัวเอง: ดื่มน้ำมาก ๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนเพียงพอ และหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง
ภูมิแพ้อากาศ สามารถจัดการและป้องกันได้
ภูมิแพ้อากาศเป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูกเมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไวต่อสารดังกล่าวอาจมีอาการคันจมูก จาม น้ำมูกไหล หรือคัดจมูก ทั้งนี้ ภูมิแพ้อากาศที่รุนแรงกว่าปกติอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างโรคไซนัสอักเสบและนอนกรนได้ ดังนั้นใครที่มีอาการของภาวะภูมิแพ้อากาศนี้ก็ควรใช้วิธีรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงสารกระตุ้น การใช้ยาที่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ รวมถึงการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด เป็นต้น ซึ่งจะช่วยรักษาและบรรเทาอาการภูมิแพ้อากาศ