ปลูกผม FUE เห็นผลจริงไหม แล้วต่างจากปลูกผม FUT อย่างไร

ปลูกผม FUE

ปัญหาผมบางกลายเป็นปัญหาหนักใจของใครหลาย ๆ คน ซึ่งต้องการเข้ารับการรักษา เพื่อให้ผมกลับมาดกดำเงางามอย่างเป็นธรรมชาติอีกครั้ง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ตนเอง แต่ก็ไม่อยากเข้ารับการผ่าตัดให้เจ็บตัว จึงเหมาะสำหรับการรักษาด้วยเทคนิคการปลูกผม FUE ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน มีรีวิวปลูกผม FUE ออกมามากมายว่า เห็นผลได้จริง แล้วการปลูกผมวิธีนี้ แตกต่างจาก FUT อย่างไร เจ็บมากหรือไม่ จะทิ้งรอยแผลหลังการรักษาหรือไม่ ไปดูกัน



ปลูกผม FUE มีข้อดีอย่างไร

FUE hair transplant คือ

การปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) หรือ FUE hair transplant คือ เทคนิคทางการแพทย์สำหรับปลูกถ่ายผมให้กลับมาหนาดกดำอีกครั้ง ด้วยกระบวนการย้ายรากผมไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ โดยไม่ต้องผ่าตัด จึงมีความปลอดภัยสูง ทำให้ได้รับความนิยมจากหลาย ๆ คน ซึ่งสามารถสรุปข้อดีของการปลูกผม FUE ได้ ดังนี้

  • การปลูกผม FUE ไม่ใช่กระบวนการผ่าตัด จึงไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้น ไม่ต้องกังวลเรื่องแผลผ่าตัด โอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยลง
  • ผลลัพธ์จากการปลูกผม FUE ดูเป็นธรรมชาติ ผมมีน้ำหนักด้วยใช้เส้นผมในบริเวณที่ดกดำ ทำให้ผมดูสม่ำเสมอ เป็นธรรมชาติ
  • หลังจากการปลูกผม FUE ประมาณ 3 – 6 เดือน ผมใหม่จะเริ่มเจริญเติบโต ฟื้นฟูได้ไว
  • สามารถกลับไปทำกิจกรรมได้ตามปกติ โดยไม่ต้องหยุดพัก หลังจากปลูกผม

แต่ทั้งนี้ ผลลัพธ์ของการปลูกผม FUE อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ด้วยสุขภาพร่างกายและเส้นผม หากต้องการรักษาผลลัพธ์ในระยะยาว ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แล้วทราบรายละเอียดขั้นตอนในการปลูกผม ดังนี้

  1. นัดพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพศีรษะ วางแผนแนวทางการรักษา โดยแจ้งประวัติการรักษาของตนเอง รวมถึงการแพ้ยาให้แพทย์ทราบ
  2. ในวันเข้ารับการรักษา แพทย์จะวางยาชา เพื่อลดความรู้สึกเจ็บในขณะทำการปลูกผม FUE 
  3. แพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษในการเจาะรากผมมาเก็บไว้ เพื่อเตรียมตัวปลูกในบริเวณที่ต้องการ ก่อนจะลงมือปลูกในบริเวณที่มีผมบาง
  4. เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลหลังการรักษา ซึ่งควรจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
  5. โปรดเข้าพบแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อให้แพทย์กำกับติดตามผลลัพธ์ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหากเกิดปัยหาใด ๆ ก็สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที

ซึ่งการปลูกผม FUE นี้ เหมาะสำหรับใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะบุคคลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

  • ผู้มีผมบางในบางส่วนของหนังศีรษะ อาจจะเกิดจากสาเหตุทางพันธุกรรม การทานยา หรือปัจจัยภายนอกอื่น ๆ
  • ผู้ทานยาเสริมแล้วไม่เห็นผล จึงต้องการเพอ่มประสิทธิภาพด้วยการปลูกผม FUE 
  • ผู้ต้องการผลลัพธ์ของการปลูกผมอย่างเป็นธรรมชาติ เงางาม และระยะยาว
  • ผู้ไม่ต้องการรักษาด้วยการผ่าตัด ไม่ต้องการทิ้งรอยแผลหลังเข้ารับการรักษา
  • ผู้ไม่มีเวลาในการพักฟื้นหลังปลูกผม เพราะการปลูกผม FUE ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อย หลังรักษา สามารถกลับไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เป็นปกติ

ปลูกผม FUE เหมาะสำหรับผู้ต้องการเพิ่มปริมาณเส้นผม แบบให้ดูเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ ควรเข้ารับฟังคำแนะนำและปรึกษากับแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญในการปลูกผม FUE  เพื่อให้ประเมินสภาพของเส้นผม พร้อมแนะนำเทคนิคที่เหมาะสมต่อไป


ปลูกผม FUE VS ปลูกผม FUT

ปลูกผม FUE กับ FUT

การปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) และ FUT (Follicular Unit Transplantation) เป็นเทคนิคการปลูกผมด้วยกันทั้งคู่ หากแต่การปลูกผม FUE กับ FUT มีความแตกต่างกัน ดังนี้

1. กระบวนการปลูกผม

  • ปลูกผม FUE: แพทย์จะเจาะรากผม (follicular units) ที่แข็งแรงไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ โดยใช้เครื่องมือเฉพาะ ไม่ต้องผ่าตัด
  • ปลูกผม FUT: แพทย์จะผ่าตัดหนังศีรษะแล้วย้ายเส้นผมไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ

2. รอยแผลของการปลูกผม

  • ปลูกผม FUE: ไม่ทิ้งรอยแผลใด ๆ ไว้ หากมี ก็จะเป็นเพียงรอยเล็กน้อย ไม่สามารถมองเห็นได้ง่าย
  • ปลูกผม FUT: ด้วยเป็นการผ่าตัดรักษา จึงทิ้งรอยแผลผ่าตัดไว้ จึงต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว สมานแผล

3. คุณภาพของเส้นผมหรือผลลัพธ์

  • ปลูกผม FUE: ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ สวยงาม
  • ปลูกผม FUT: ให้ผลลัพธ์ดี แต่อาจจะมีรอยแผลบนหนังศีรษะ ซึ่งอาจจะมองเห็นได้

4. ระยะเวลาในการฟื้นตัว

  • ปลูกผม FUE: ใช้เวลาในการพักฟื้นหลังรักษาไม่นาน เพราะไม่ใช่การผ่าตัด แล้วใช้เวลาประมาณ 3 – 6 เดือน ผมใหม่จึงจะเจริญเติบโต
  • ปลูกผม FUT: ใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่า FUE เพราะต้องรักษาตัวจากการผ่าตัด

โดยการปลูกผม FUE กับ FUT มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจ ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินอาการ ความต้องการ ก่อนจะเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมให้ต่อไป


ปลูกผม FUE เจ็บไหม

คำถามว่า “ปลูกผม FUE เจ็บไหม” ถือได้ว่า กระบวนการปลูกผม FUE มีระดับความเจ็บน้อยกว่าเทคนิค FUT ซึ่งเป็นการรักษาด้วยการผ่าตัด โดยทั่วไปแล้ว ความเจ็บในขั้นตอนของการปลูกผม FUE จะรู้สึกเหมือนเข็มฉีดยาเจาะ อาจจะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ไม่รุนแรงมาก รวมถึงความเจ็บเหล่านี้ จะหายไปภายในไม่กี่วันหลังการผ่าตัด แต่ทั้งนี้ ระดับความเจ็บก็ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ได้แก่

  • จำนวนรากผมที่ถูกเจาะ
  • ระดับความรู้สึกของแต่ละคน
  • ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ของแพทย์ผู้รักษา
  • การใช้ยาชา (anesthesia) เพื่อลดความรู้สึกเจ็บในระหว่างการรักษา

ดังนั้น หากมีความกังวลเกี่ยวกับความเจ็บ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนรักษา เพื่อให้แพทย์วางแผนรายละเอียด เพื่อลดความเจ็บในการรักษา หรือวางแผนใช้ยาชาก่อนทำการรักษา

ผ่าตัดปลูกผม FUE แผลใหญ่ไหม

ในขั้นตอนการปลูกผม FUE ซึ่งรักษาด้วยการเจาะรากผมกับเครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายเข็ม ทำให้มีรอยแผลขนาดเล็กมา จนแทบมองไม่เห็น ซึ่งถือเป็นข้อดีของการปลูกผมด้วยเทคนิคดังกล่าว เพราะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นให้ผู้อื่นเห็นได้

โดยรอยแผลจากการปลูกผม FUE นี้ จะมีลักษณะเป็นรอยแผลเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1 – 2 มิลลิเมตร เหมือนรอยแผลจากเข็มฉีดยา หรือรอยแผลจากการถูกเจาะด้วยเข็มเล็ก มักจะหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งรอยให้เห็นหลังจากการสมานแผล

ด้วยข้อดีดังกล่าว ทำให้เทคนิคการปลูกผม FUE จึงกลายเป็นที่นิยม โดยเฉพาะผู้ต้องการผลลัพธ์แบบธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด หรือทิ้งรอยแผลหลังการรักษา แต่ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงกับความต้องการ ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาด หรือผลข้างเคียงต่าง ๆ ควรจะเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการปลูกผมประเภทนี้ 


ปลูกผม FUE ไม่ขึ้น ทำอย่างไรดี

ปลูกผม FUE ไม่ขึ้น

แต่ถ้าหากปลูกผม FUE ไม่ขึ้น หรือมีผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ควรจะทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ของการปลูกผม FUE อยู่ประมาณ 3 – 6 เดือนหลังการรักษา แต่สำหรับบางรายก็อาจจะใช้เวลานานถึง 12 เดือน ดังนั้น หากครบ 1 ปีแล้ว ผมยังไม่มีผลลัพธ์ตามที่หวัง ก็ควรเข้าปรึกษาแพทย์
  • ดูแลเส้นผมอย่างเหมาะสม หมั่นรักษาความสะอาด ใช้ผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะการรักษาดูลแที่ดีอาจจะช่วยให้ผมเจริญเติบโตได้
  • ถ้าผมไม่เจริญเติบโตตามที่คาดหวังหรือมีปัญหาใด ๆ ควรพบแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำ หาสาเหตุของปัญหา วางแผนการรักษาเพิ่มเติม
  • หลังจากผ่านระยะเวลามาพอสมควรแล้ว ผมก็ยังไม่มีผลลัพธ์ตามที่ต้องการ อาจจะต้องพิจารณาแนวทางการรักษาอื่นที่มีความเหมาะสมมากกว่า หรือแพทย์อาจจะแนะนำให้ลองทำซ้ำอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ดูแลการปลูกผม FUE 

การปลูกผม FUE มักให้ผลลัพธ์ที่ดีและเป็นธรรมชาติ แต่ก็อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูแตกต่างกันไป รวมถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้น หากมีความกังวลใด ๆ ในขั้นตอนก็ควรจะรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้รับการดูแลที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป


ควรเลือกปลูกผม FUE ที่ไหนดี

 ปลูกผม FUE ที่ไหนดี เป็นอีกคำถามที่หลายคนสงสัย ด้วยเทคนิคการปลูกผม FUE เป็นกระบวนการรักษาที่ละเอียดอ่อน ไม่ควรเกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ขึ้น ดังนั้น จึงต้องเข้ารักษาอย่างดีที่สุด โดยมีแนวทางในการเลือกสถานพยาบาล ดังต่อไปนี้

  • แพทย์มีประวัติทำการรักษาด้วยเทคนิคการปลูกผม FUE มาอย่างยาวนาน มีความเชี่ยวชาญ มากด้วยประสบการณ์ สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างชัดเจน ทราบรายละเอียดการรักษาดี
  • สถานพยาบาลจะต้องมีความน่าเชื่อถือ มีมาตรฐานรับรอง สะอาด ปลอดเชื้อ สามารถเดินทางสะดวก มีอุปกรณ์เครื่องมือเทคโนโลยีทันสมัย
  • ทีมงานพร้อมให้บริการ สามารถตอบคำถามเบื้องต้นได้ อธิบายชัดเจน มีระบบการจอง การติดตามผลที่ดี 
  • ค่าใช้จ่ายในการปลูกผม FUE สมเหตุสมผล สามารถนำไปเปรียบเทียบกับสถานพยาบาลอื่น ๆ ได้
  • รีวิวปลูกผม FUE บนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ดี สามารถเชื่อถือได้ มีผู้ใช้จริง สามารถเปรียบเทียบก่อนและหลังการรักษา

หากเลือกตามแนวทางในการเลือกสถานพยาบาลข้างต้น ย่อมจะทำให้เข้ารับการรักษาที่ดี มีความปลอดภัยสูง ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ ทำให้ได้ผลลัพธ์จากการปลูกผม FUE ตามที่คาดหวังไว้


สรุปการปลูกผม FUE

การปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) เป็นเทคนิคการปลูกผม ด้วยการเจาะรากผมแล้วย้ายไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ โดยไม่ต้องผ่าตัด จึงมีข้อดีตรงไม่ทิ้งรอยแผลหลังการรักษา ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน ทำให้ได้ผลลัพธ์เงางาม ดูเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง แต่ทั้งนี้ ก็ต้องเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ กับคลินิกที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย มีอุปกรณ์เทคโนโลยีครบครัน เพียงเท่านี้ ก็จะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการแล้ว


Thank you for your Vote Rating
[Total: 0 Average: 0]