ในปัจจุบันการดูแลตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญ รวมถึงการดูแลผิวให้สวยใสอยู่ตลอดเวลา ในสมัยนี้มีวิธีอยู่มากมาย ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองสำหรับการดูแลผิวโดยการใช้ครีมทาบำรุงผิว หรือการทำสครับขัดผิว ซึ่งในตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นตัวช่วยให้ง่ายขึ้นคือ Grape Seed Extract เป็นวิตามินที่เหมาะแก่การดูแลผิวอย่างมากในปัจจุบัน
ซึ่ง Grape Seed Extract มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น เพิ่มความแข็งแรงให้ผนังหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนเลือด ป้องกันโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซน์เมอร์ ช่วยบำรุงผิวใส ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี เป็นต้น
Grape Seed extract คืออะไร
โดย Grape Seed extract เป็นสารสกัดจากเมล็ดองุ่น คุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ที่มีประสิทธิภาพสูง (super antioxidant) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่มากกว่าวิตามินซี (Vitamin C) ถึง 20 เท่า และมากกว่าวิตามินอี (Vitamin E) ถึง 50 เท่า ช่วยป้องกันร่างกายจากอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายตลอดเวลา รวมทั้งปัจจัยภายนอกต่าง ๆ อันเป็นสาเหตุของความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งสารกลุ่มนี้ถูกดูดซึมจากกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วภายใน 20-30 นาที
อีกทั้งมีคุณสมบัติยับยั้งเอนไซม์ที่ทำร้ายคอลลาเจนใต้ผิว สามารถรวมตัวได้ดีกับคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของผิวหนัง หลอดเลือดและอวัยวะต่าง ๆ ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น และยังช่วยให้หลอดเลือดฝอยแข็งแรงสามารถนำสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้ดี รวมทั้งสามารถผ่านแนวกั้นสมอง (blood brain barrier) ได้ จึงป้องกันสมองเสื่อม และเสียหายจากอนุมูลอิสระ (free radical) โดยได้จากการนำเมล็ดองุ่นมาผ่านกรรมวิธีการสกัดเพื่อให้ได้สารสำคัญออกมา
ซึ่งสารสกัดที่ได้ออกมาเป็นสารกลุ่ม phenolic compounds เช่น พอลิฟีนอล (Polyphenol) หรือฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) โดยสารออกฤทธิ์หลักคือ โอลิโกเมอริก โปรแอนโธไซยานิดินส์ (Oligomeric Proanthocyanidins : OPCs) มีความเข้มข้นมากถึง 80 – 95%
สรรพคุณของ Grape Seed extract ด้านความงาม
เรื่องเกี่ยวกับสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ของการบริโภค Grape Seed extract ในด้านความงามที่สำคัญ ได้แก่
ช่วยให้ผิวใส ลดจุดด่างดำ
โดยจะช่วยบำรุงผิวใส ลดจุดด่างดำ ซึ่งจะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซเนส โดยเป็นตัวการที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินใต้ผิว ทำให้จุดด่างดำแลดูจางลง
ช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึง
โดยจะช่วยบำรุงผิวให้ผิวดูกระชับ เต่งตึง ซึ่งจะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์คอลลาจีเนส โดยเป็นตัวการที่ทำให้เกินริ้วรอยก่อนวัย พร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวกับเก็บความชุ่มชื้น และดูสุขภาพดี
มีส่วนช่วยในการปกป้องแสงแดด
โดยจะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีของแสงแดด จึงช่วยลดการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ทำให้ผิวมีสุขภาพดี เปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์
แก้ไขปัญหาเส้นเลือดขอด
โดยจะช่วยแก้ไขปัญหาเส้นเลือดขอด ซึ่งทำให้เซลล์ผิวหนังแข็งแรงไม่เหี่ยวย่น หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นดีไม่เปราะหรือแตกง่าย
ช่วยให้คอลลาเจนทั่วร่างกายแข็งแรงขึ้น
โดยจะทำงานร่วมกับวิตามินซี ในการทำให้คอลลาเจนทั่วร่างกายแข็งแรงขึ้น และยังช่วยป้องกันการสูญเสียวิตามินอีและวิตามินซีอีกด้วย
สรรพคุณของ Grape Seed extract ด้านสุขภาพ
เรื่องเกี่ยวกับสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ของการบริโภค Grape Seed extract ในด้านสุขภาพที่สำคัญ ได้แก่
เพิ่มการไหลเวียนเลือด
โดยการเพิ่มการไหลเวียนเลือดนั้น จะช่วยลดการจับตัวของลิ่มเลือด ทำให้เลือดมีการไหลเวียนที่ดีขึ้น ตลอดจนช่วยลดการอุดตันของหลอดเลือดต่าง ๆ ได้
เพิ่มภูมิคุ้มกัน
โดยจะมีการต้านสารฮีสตามีน ช่วยลดอาการภูมิแพ้ และหอบหืด พร้อมจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
เพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือด
โดยการเพิ่มความแข็งแรงให้ผนังหลอดเลือดนั้น จะช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์คอลลาจีเนส ที่เป็นตัวการทำให้ผนังหลอดเลือดและคอลลาเจนเสื่อมสภาพ
ป้องกันการเสื่อมของดวงตา
โดยจะช่วยป้องกันการเสื่อมของดวงตา พร้อมช่วยให้สายตาปรับการมองเห็นในที่มืดได้ดีขึ้น
ป้องกันโรคสมองเสื่อมหรือ อัลไซน์เมอร์
โดยจะเข้าไปขัดขวางการทำลายเซลล์สมองจากอนุมูลอิสระ เพื่อป้องกันโรคสมองเสื่อมหรือ อัลไซน์เมอร์
เวลาไหนที่เหมาะสำหรับการกิน Grape Seed Extract เพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุด
ในการกิน Grape Seed extract เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น ควรรับประทานหลังอาหาร 2 ชั่วโมง หรือในขณะท้องว่าง เนื่องจาก OPCs ที่เป็นสารสำคัญใน Grape Seed extract มีคุณสมบัติชอบจับกับโปรตีน หากโปรตีนจากอาหารเข้าไปจับตัวกับ OPCs จะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่เต็มที่
ปริมาณที่เหมาะสมกับการบริโภค Grape Seed extract
โดยการบริโภค Grape Seed extract ในปริมาณที่เหมาะสมนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้ได้ประโยชน์และประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ซึ่งปริมาณที่แนะนำในการรับประทาน Grape Seed extract คือ 100 mg. ต่อวัน โดยแบ่งรับประทานเป็นวันละ 2 เวลา ครั้งละ 50 mg.