ในปัจจุบันหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า น้ำตาเทียม ไม่ว่าจะใช้น้ำตาเทียมสำหรับคอนแทคเลนส์ หรือ ตาแห้ง น้ำตาเทียมก็ช่วยคุณได้ แต่ว่าหลายคนน่าจะยังไม่รู้ว่า น้ำตาเทียมคืออะไร ต่างจากยาหยอดตาหรือไม่ ? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับดวงตาชิ้นนี้กันให้มากขึ้น
น้ำตาเทียม
น้ำตาเทียม (Artificial Tears) คือ สารหล่อลื่นที่ทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาทดแทนน้ำตาจริง เพื่อบรรเทาอาการระคายเคือง แสบตา ไม่สบายตาจากอาการตาแห้ง หรือมีน้ำตาจริงมาหล่อลื่นดวงตาน้อยเกินไป หรือช่วยหล่อลื่นขณะใส่คอนแทคเลนส์
โดยน้ำตาเทียมจะมีคุณสมบัติคล้ายกับน้ำตาจริง ส่วนประกอบหลัก ๆ ไม่ได้มีตัวยาที่อยู่ในกลุ่มควบคุมพิเศษ จึงสามารถหาซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ แต่อย่างไรก็ตาม น้ำตาเทียมก็ยังมีข้อควรระวังการใช้งานเช่นกัน แต่จะกล่าวในหัวข้อถัด ๆ ไปค่ะ
น้ำตาเทียม ประกอบด้วยสารอะไรบ้าง
ในน้ำตาเทียมนั้น มีสารหลายตัวอยู่ในนั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื่น เช่น ไฮดรอกซีเอทิลเซลลูโลส (Hydroxyethyl Cellulose) สารเพิ่มความข้นจากเซลลูโลส หรือ คาร์บอกซิเมทิลเซลลูโลสหรือซีเอ็มซี (Carboxymethyl Cellulose) สารเพิ่มความหนืด
มีสารปรับค่าความเป็นกรดเป็นด่าง เช่น กรดบอริก (Boric acid) มีสารที่ช่วยให้น้ำตาเทียมให้กลมกลืนไปกับน้ำตาธรรมชาติและสารที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงน้ำตาธรรมชาติ เช่น แมกนีเซียมคลอไรด์ (Magnesium Chloride) หรือที่คนใช้ทำ เกลือสปา แต่ต้องระวังเพราะน้ำตาเทียมแบบขวดบางยี่ห้อก็ใส่วัตถุกันเสียด้วย
ชนิดของน้ำตาเทียม
หลายคนคงคุ้นตากับน้ำตาเทียมแบบขวด แต่รู้หรือไม่ว่าน้ำตาเทียมนั้นมีหลายชนิด โดยจะมีดังนี้
น้ำตาเทียมแบบหลอด
หรือเรียกอีกอย่างว่า น้ำตาเทียมรายวัน ซึ่งจะบรรจุอยู่ในหลอด พกพาง่าย และที่สำคัญน้ำตาเทียมแบบหลอด จะไม่ใส่วัตถุกันเสีย ทำให้สามารถใช้งานได้ 24 ชั่วโมงเท่านั้นก่อนจะหมดอายุ
น้ำตาเทียมแบบขวด
หรือเรียกอีกอย่างว่า น้ำตาเทียมรายเดือน ซึ่งตรงตามชื่อสามารถใช้ได้ 1 เดือนก่อนหมดอายุ เนื่องจากใส่วัตถุกันเสีย ถึงจะมีราคาถูกกว่าน้ำตาเทียมแบบหลอด แต่ต้องระมัดระวังในการใช้มากกว่าเช่นกัน
น้ำตาเทียมแบบเจล
หรือเรียกอีกอย่างว่า น้ำตาเทียมแบบขี้ผึ้ง เป็นประเภทที่ไม่ค่อยนิยม เนื่องจากมีความหนืดมาก เหมาะจะใช้กับผู้ที่มีอาการตาแห้งค่อนข้างรุนแรง
ประโยชน์ของน้ำตาเทียม
ประโยชน์ของน้ำตาเทียมหลัก ๆ เลยคือการเพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อลดอาการระคายเคืองกับดวงตาจากอาการตาแห้ง แต่ทราบหรือไม่ว่าประโยชน์ของน้ำตาเทียมไม่ได้มีไว้สำหรับตาแห้งอย่างเดียวเท่านั้น ยังช่วยบรรเทาอาการจากโรคทางตาอื่น ๆ ได้เช่นกัน
1. น้ำตาเทียมเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ดวงตากับผู้ที่มีอาการตาแห้ง
อาการตาแห้งเกิดจากปริมาณน้ำตาจริงมีน้อยกว่าปกติ ไม่เพียงพอสำหรับหล่อลื่นลูกตา ซึ่งอาจมาจากพฤติกรรมการใช้ดวงตา เช่น จ้องหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ และไม่ค่อยกระพริบตา การทำงานในที่ทำให้น้ำตาในดวงตาระเหยออกไปได้ไวกว่าปกติอย่างการอยู่ในที่มีลมมาก อาการร้อนและแห้ง หรือมาจากอายุที่มากขึ้น ทำให้การทำงานของต่อมน้ำตาลดลง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ถึงวัยหมดประจำเดือน
เมื่อดวงตาขาดน้ำตามาหล่อลื่นลูกตาก็จะทำให้เกิดอาการระคายเคือง แสบตาได้ ดังนั้นน้ำตาเทียมจะช่วยทำหน้าที่หล่อลื่นดวงตาและเพิ่มความชุ่มชื้นทดแทนน้ำตาจริง ผู้ที่มีอาการตาแห้ง น้ำตาเทียมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ
2. น้ำตาเทียมปกป้องดวงตาจากการติดเชื้อได้
ปกติแล้วน้ำตาจริงของมนุษย์จะประกอบไปด้วยน้ำ กรดไขมัน และองค์ประกอยอื่น ๆ จนเกิดเป็นน้ำตาที่ปกคลุมและเคลือบผิวดวงตาให้เกิดความชุ่มชื้นและป้องกันการติดเชื้อได้ด้วย ดังนั้นหากน้ำตาจริงมีไม่พอในการทำหน้าที่เหล่านี้อาจทำให้ดวงตาระคายเคืองและตืดเชื้อง่ายขึ้น ดังนั้นน้ำตาเทียมจะมาทำหน้าที่ทดแทนน้ำตาจริงได้
3. น้ำตาเทียมลดอาการระคายเคืองหลังผ่าตัด
สำหรับผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดดวงตาอย่างเช่น ผ่าตัดต้อกระจก หรือการทำเลสิค (LASIK) มักจะมีผลข้างเคียงหลังการผ่าตัดคืออาการตาแห้งขึ้น ดังนั้นน้ำตาเทียมจะไปช่วยหล่อลื่นลูกตา ลดอาการระคายเคืองหลังผ่าตัดต้อกระจกหรือการทำเลสิค (LASIK) ได้
4. น้ำตาเทียมช่วยบรรเทาอาการจากโรคทางตา
สำหรับผู้ที่เป็นหรือมีอาการโรคทางตา เช่น โรคต้อลม โรคต้อเนื้อ โรคต้อหิน กระจกตาถลอก เกิดบาดแผลที่กระจกตา น้ำตาเทียมจะเข้ามาช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองได้บ้าง ทำให้สบายดวงตามากขึ้น
5. น้ำตาเทียมลดอาการระคายเคืองจากมลภาวะ
ด้วยสภาพอากาศและมลภาวะอย่างฝุ่นละออง ควันบุหรี่ อาจก่อให้การระคายเคืองบริเวณดวงตาได้ น้ำตาเทียมจะเข้ามาช่วยให้อาการระคายเคืองตาทุเลาลง
6. น้ำตาเทียมช่วยหล่อลื่นและลดอาการระคายเคืองขณะใช้คอนแทคเลนส์
สำหรับผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์เป็นประจำจะส่งผลให้เกิดอาการตาแห้งได้ง่าย และหากไม่รักษาความชุ่มชื้นกับดวงตาขณะใส่คอนแทคเลนส์ อาจทำให้กระจกตาเกิดแผล กระจกตาถลอก หรือถึงขั้นติดเชื้อในดวงตาได้ ดังนั้นจึงควรใช้น้ำตาเทียมเมื่อมีการใช้คอนแทคเลนส์ เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรใช้น้ำตาเทียมสำหรับคอนแทคเลนส์โดยเฉพาะ
ความแตกต่างของน้ำตาเทียมกับยาหยอดตา
น้ำตาเทียมเป็นกลุ่มหนึ่งของยาหยอดตา แต่ถ้าจะบอกถึงข้อแตกต่างว่าน้ำตาเทียม กับ ยาหยอดตา ต่างกันอย่างไรนั้นจุดที่ต่างกันที่สุดคือองค์ประกอบและสารออกฤทธิ์ที่อยู่ในน้ำตาเทียม กับ ยาหยอดตา รวมไปถึงจุดประสงค์การใช้งานและการรักษาโรค เป็นต้น
น้ำตาเทียม
น้ำตาเทียมช่วยในเรื่องความชุ่มชื้นและลดอาการระคายเคืองแก่ดวงตา โดนน้ำตาเทียมจะทำหน้าที่ทดแทน หรือส่งเสริมน้ำตาจริงของเรา ผู้ที่มีอาการตาแห้งจากน้ำตาจริงมีไม่เพียงพอ หรือต่อมน้ำตาผลิตน้ำตาจริงได้ลดลง หรือเกิดอาการตาแห้งจากการใส่คอนแทคเลนส์และพฤติกรรมการใช้ดวงตาอย่างการไม่ค่อยกระพริบตาและการอยู่ในที่ทำให้น้ำตาระเหยง่ายก็สามารถใช้น้ำตาเทียมทดแทนน้ำตาจริงได้
ส่วนประกอบในน้ำตาเทียมจะประกอบไปด้วยสารที่คล้ายคลึงกับน้ำตาจริง และไม่มีสารออกฤทธิ์ที่มีผลต่อการรักษา ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นยาที่ถูกควบคุม สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ แต่เพราะไม่มีตัวยาที่มีฤทธิ์การรักษา ดังนั้นน้ำตาเทียมจึงไม่ใช่ยารักษาโรค และอาการตาแห้งได้ สามารถทำได้เพียงบรรเทาอาการเท่านั้น
ยาหยอดตา
ยาหยอดตา เป็นยาที่มีสารออกฤทธิ์ สามารถรักษาโรคทางตาและอาการไม่พึงประสงค์ทางตาได้ โดยยาหยอดยายังสามารถแบ่งกลุ่มประเภทได้อีก เช่น กลุ่มยาสเตียรอยที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ และกลุ่มยาแก้แพ้ที่มีฤทธิ์ลดอาการระคายเคือง ตาแดงจากอาการภูมิแพ้ที่เยื่อบุตา เพราะยาหยอดตามีสารออกฤทธิ์รักษาโรค
ดังนั้น จะต้องจ่ายโดยแพทย์และการใช้ยาหยอดตาจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากหากใช้ผิดประเภท ใช้ไม่ระมัดระวังอาจเกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น โรคต้อหิน หรืออาการติดเชื้อแย่ลง เชื้อดื้อยา ทำให้รักษาได้ยากขึ้น
ข้อควรระวังเมื่อใช้น้ำตาเทียม
ถึงเราจะทราบว่าน้ำตาเทียมมีองค์ประกอบที่คล้างคลึงกับน้ำตาจริง อาจดูไม่อันตราย แต่ก็ยังมีข้อควรระวังการใช้น้ำตาเทียมเช่นกัน ทั้งข้อควรระวังจากตัวน้ำตาเทียมและลักษณะการใช้งานน้ำตาเทียม ดังนี้
- หากเป็นน้ำตาเทียมแบบหลอดหรือน้ำตาเทียมรายวัน หลังเปิดใช้งานแล้วไม่ควรใช้งานเกิน 12-24 ชั่วโมง
- หากเป็นน้ำตาเทียมแบบขวดหรือน้ำตาเทียมรายเดือน ไม่ควรใช้งานเกิน 1 เดือนนับแต่วันที่เปิดขวดใช้งาน เนื่องจากมีการปนเปื้อนจุลินทรีย์ และสารกันเสียไม่สามารถยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ได้อีก
- สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หรือการใช้คอนแทคเลนส์และต้องหยอดน้ำตาเทียม ควรหลีกเลี่ยงน้ำตาเทียมที่มีส่วนประกอบของสารกันเสียหรือสารกันบูด เนื่องจากสารกันเสียจะไปทำลายเยื่อบุกระจกตา และสำหรับคอนแทคเลนส์ สารกันเสียจะส่งผลให้คุณภาพของคอนแทคเลนส์แย่ลงได้ ดังนั้นควรใช้น้ำตาเทียมไม่มีการกันเสีย หรือน้ำตาเทียมไม่มีสารกันบูด หรือสำหรับผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์อาจเลือกน้ำตาเทียมสำหรับคอนแทคเลนส์โดยเฉพาะ
- วิธีหยอดน้ำตาเทียมหรือป้ายน้ำตาเทียมจะต้องระมัดระวังไม่ให้ปลายหลอดสัมผัสกับดวงตาหรือขนตา เนื่องจากอาจเกิดการติดเชื้อในดวงตาได้
- น้ำตาเทียมเป็นเวชภัณฑ์ที่ใช้บรรเทาอาการระคายเคือง ตาแห้งเท่านั้น ไม่สามารถรักษาอาการตาแห้งถาวรได้
- หากมีประวัติแพ้น้ำตาเทียมหรือยาหยอดตา ต้องเข้าขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนใช้
- สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียม ขณะที่อยู่ในช่วงที่ต้องใช้ยาหยอดตาชนิดอื่น ควรเว้นระยะห่างประมาณ 10 นาที
- หากพบอาการผิดปกติหลังใช้น้ำตาเทียม เช่น ระคายเคืองตามาก น้ำตาไหลไม่หยุด ควรงดใช้และพบแพทย์ทันที
แนะนำการหยอดน้ำตาเทียมอย่างถูกวิธี
วิธีใช้น้ำตาเทียมอย่างถูกวิธีนั้นไม่ยากอย่างที่คิดเพียงแค่เริ่มจากการอ่านฉลากน้ำตาเทียมของคุณก่อนว่ามีสารอะไรที่เราแพ้หรือไม่ ต่อมาคุณต้องล้างมือก่อนหยอดตาทุกครั้ง
จากนั้นเงยหน้าแล้วค่อย ๆ หยอดน้ำตาเทียมลงบนดวงตา ในจังหวะนี้อย่าหลับตาสู้เป็นอันขาดเพราะคุณต้องหยอดใหม่เรื่อย ๆ ซึ่งโดยปริมาตรทั่วไปจะหยอดน้ำตาเทียมปริมาณ 1-2 หยอด แต่ถ้าคุณใช้น้ำตาเทียมแบบเจล ก็คือครั้งละประมาณ 6 มิลลิลิตร เท่านี้ก็หยอดตาอย่างถูกต้องปลอดภัยแล้ว
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากน้ำตาเทียม
สำหรับบางท่านที่อาจเกิดผลข้างเคียงเมื่อใช้น้ำตาเทียมอาจเกิดอาการ เช่น หยอดน้ำตาเทียมแล้วตามัว, แสบตา, มองภาพซ้อน, และอาการอื่น ๆ หากเกิดอาการใด ๆ นอกจากนี้แนะนำให้หยุดใช้น้ำตาเทียม และถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์เพื่อดูอาการ
วิธีเก็บรักษาน้ำตาเทียม
หลังเปิดใช้งานน้ำตาเทียมแล้วจะต้องมีการจัดเก็บรักษาน้ำตาเทียมให้ถูกวิธี เพื่อลดโอกาสปนเปื้อนจุลินทรีย์ จนทำให้ดวงตาติดเชื้อได้ ดังนี้
- เมื่อใช้งานน้ำตาเทียมเสร็จ ต้องปิดฝาขวดน้ำตาเทียมทันที ปิดให้สนิท และไม่แบ่งน้ำตาเทียมออกไปในภาชนะอื่น ต้องจัดเก็บกับภาชนะเดิมที่บรรจุน้ำตาเทียมมาเท่านั้น
- เก็บน้ำตาเทียมให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- สำหรับน้ำตาเทียมแบบหลอดหรือน้ำตาเทียมแบบรายวันเมื่อเปิดใช้แล้วจะมีอายุเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น หากเกิน 24 ชั่วโมงห้ามนำกลับมาใช้เด็ดขาด
- สำหรับน้ำตาเทียมแบบขวดหรือน้ำตาเทียมรายเดือนเมื่อเปิดใช้แล้วจะมีอายุ 1 เดือน หากเกิน 1 เดือนห้ามนำกลับมาใช้เด็ดขาด
- เก็บรักษาน้ำตาเทียมแบบหลอดหรือน้ำตาเทียมแบบขวดในตู้เย็น อุณหภูมิประมาณ 15-25 องศาเซลเซียส และเก็บรักษาน้ำตาเทียมแบบเจลและขี้ผึ้งที่อุณหภูมิประมาณ 15-30 องศาเซลเซียส
- เก็บรักษาน้ำตาเทียมให้พ้นแสงแดด ความร้อน และบริเวณเปียกชื้น เนื่องจากจะทำให้น้ำตาเทียมเสื่อมคุณภาพ
- หากน้ำตาเทียมหมดอายุการใช้งานหรือเสื่อมคุณภาพต้องทิ้งทันที ห้ามนำกลับมาใช้เด็ดขาด
ข้อสรุป
น้ำตาเทียม คือ เวชภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบคล้ายกับน้ำตาจริง ซึ่งประโยชน์ของน้ำตาเทียมหลัก ๆ คือการเพิ่มความชุ่มชื่นและลดอาการระคายเคืองดวงตาทดแทนน้ำตาจริงได้
แต่อย่างไรก็ตามน้ำตาเทียมก็ยังมีข้อควรระวังในการใช้งาน หากใช้น้ำตาเทียมไม่ถูกประเภทกับตนเอง หรือใช้ผิดวิธีก็อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีได้ และที่สำคัญน้ำตาเทียมช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้ แต่ไม่สามารถรักษาอาการตาแห้ง ดังนั้นควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับคำวินิจฉัยและวางแผนการรักษาต่อไป