โบท็อกลดกราม คือ การฉีดโปรตีนชนิดหนึ่งเข้าไปในกล้ามเนื้อกราม ช่วยทำให้กรามดูเล็กลง ปรับใบหน้าให้ดูเรียวกระชับขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่ หน้าบาน ที่ไม่ต้องการผ่าตัด และไม่มีเวลาพักฟื้น เห็นผลลัพธ์เร็ว ราคาไม่แพง ถือเป็นหัตการการปรับรูปหน้าวิธีแรก ๆ ที่คนไทยนิยมทำ
สำหรับผู้ที่สนใจโบท็อกลดกราม ในบทความนี้มีข้อมูลและคำแนะนำ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ มาบอกต่อว่าปัญหากรามใหญ่ หน้าบาน มีสาเหตุเกิดจากอะไร ? แล้วโบท็อกลดกราม คืออะไร ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เห็นผลเร็วและอยู่ได้นานแค่ไหน เจ็บไหม มีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอะไรบ้าง มีวิธีป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างไร รวมถึงวิธีเลือกคลินิกให้ปลอดภัย
กรามใหญ่ หน้าบาน มีสาเหตุจากอะไร ?
- พันธุกรรม :
ลักษณะใบหน้าของชาวเอเชียที่มักมีลักษณะกระดูกขากรรไกรใหญ่ และในคนไทยเองก็พบคนที่มีโครงสร้างสรีระกระดูกลักษณะนี้อยู่ไม่น้อย - กระดูกมีความเจริญเติบโตมากกว่าปกติ :
ในบางคนอาจมีการเจริญเติบโตของกระดูกมากกว่าปกติ สาเหตุนี้ก็จะทำให้มีกรามใหญ่ได้เช่นกัน - พฤติกรรมการรับประทานอาหาร :
การเคี้ยวอาหารเหนียว ๆ อาหารเคี้ยวยากบ่อย ๆ จะทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงขึ้น เพื่อรองรับการใช้งาน จึงทำให้กล้ามเนื้อกรามใหญ่ขึ้นได้ - ไขมันสะสมบนใบหน้า :
การทานอาหารเยอะเกินไป จะทำให้ไขมันสะสมไว้บริเวณใบหน้า ถ้ามีกรามใหญ่อยู่แล้วเป็นทุนเดิม ก็จะทำให้ใบหน้าดูเหลี่ยมมากขึ้นได้
โบท็อกลดกราม คืออะไร ?
โบท็อกลดกราม คือ การฉีดโปรตีนชนิดหนึ่ง ชื่อว่า Botulinum toxin A ที่ผลิตจากเชื้อแบคทีเรีย Clostridium botulinum ฤทธิ์ของโบท็อกจะทำให้ระบบประสาทหยุดทำงานชั่วคราว (Neurotoxin) โดยเข้าไปยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาท (Acetylecholine) ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและทำงานลดลง จึงส่งผลให้ขนาดกล้ามเนื้อค่อย ๆ ลีบเล็กลงในที่สุด
เมื่อนำโบท็อก (Botox) มาฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อกราม ก็จะออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อกรามทำงานได้น้อยลง คลายตัว อ่อนแรงลง และหดเล็กลง ส่งผลให้คนที่มีกรามใหญ่ ใบหน้าดูเรียวเล็กลง กระชับขึ้น ช่วยปรับรูปหน้าให้สวยขึ้น
แต่สำหรับผู้ที่มีกรามใหญ่ ที่เกิดจากกระดูกขากรรไกรใหญ่มาแต่กำเนิด การฉีดโบท็อกอาจจะไม่ตอบโจทย์ ต้องใช้วิธีการผ่าตัดศัลยกรรมช่วยลดกรามแทน ดังนั้นก่อนฉีดโบท็อกลดกราม ควรให้แพทย์ประเมินสาเหตุและลักษณะกรามว่าเกิดจากส่วนของกระดูก หรือกล้ามเนื้อ เพื่อแนะนำวิธีแก้ไขให้อย่างเหมาะสมที่สุด
วิธีสังเกตกรามใหญ่ง่าย ๆ ว่าเกิดจากกล้ามเนื้อ หรือ กระดูก ?
วิธีสังเกตกรามใหญ่ ที่เกิดจาก กล้ามเนื้อ เบื้องต้น
- ทดลองกัดฟัน แล้วจับคลำบริเวณกราม จะมีกล้ามเนื้อเด้ง นูนขึ้น อย่างชัดเจน
ลักษณะเช่นนี้คือกรามใหญ่ ที่เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น เคี้ยวอาหารบ่อย ๆ
วิธีสังเกตกรามใหญ่ ที่เกิดจาก กระดูก เบื้องต้น
- ทดลองกัดฟัน แล้วจับคลำบริเวณกราม กรามจะขยับออก จับแล้วเป็นก้อน แข็ง
ลักษณะเช่นนี้คือกรามใหญ่ ที่เกิดจากพันธุกรรม มีกระดูกขากรรไกรใหญ่มาแต่กำเนิด
ในกรณีหน้าบาน แก้มเยอะ สามารถเกิดจากทั้งพันธุกรรม และพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ไขมันที่สะสมบริเวณใบหน้าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าเราดูไม่เรียว ไม่กระชับ ทำให้หน้าใหญ่ หน้าบาน หน้าเหลี่ยมได้ ต้องแก้ไขด้วยการฉีดเมโสแฟต เพื่อลดแก้ม ก็จะช่วยให้หน้าเรียวเล็กลง
โบท็อกลดกราม ช่วยอะไรได้บ้าง ?
- ช่วยลดกล้ามเนื้อกรามให้ดูเล็กลง
- ช่วยกระชับกรอบหน้า ทำให้กรอบหน้าชัด ดูมีมิติ
- ช่วยปรับรูปหน้า ให้หน้าดูเรียว วีเชฟขึ้น
โบท็อกลดกราม กี่วันเห็นผล ?
การฉีดโบท็อกลดกราม จะเห็นผลภายใน 2 อาทิตย์ กล้ามเนื้อกรามจะเริ่มนิ่มลง กัดฟันกรามแล้วกรามจะไม่เด้งและยุบลงไปประมาณ 10% โดยจะเริ่มยุบลงตั้งแต่ 1 เดือนแรก จะสังเกตได้ว่าหน้าเรียวขึ้น และในเดือนที่ 2-3 จะยุบลงเต็มที่อย่างเห็นได้ชัด
ตัวอย่างรีวิวโบท็อกลดกราม
สำหรับคนที่รีบ ต้องการใช้หน้าเลย มีออกงานเร่งด่วน อยากเห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น แนะนำให้ทำโบท็อกลิฟกรอบหน้า (Nefertiti lift) ร่วมกับฉีดโบท็อกลดกรามได้ จะช่วยให้แนวกรามเรียวคมขึ้นอีก
โบท็อกลดกราม อยู่ได้นานแค่ไหน ?
หลังจากฉีดโบท็อกลดกราม จะสามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานเป็นระยะเวลา 5-6 เดือน และการที่จะคงผลลัพธ์กรามเล็ก หน้าเรียว ให้อยู่กับเราได้นาน ๆ ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล รวมถึงยี่ห้อโบท็อกลดกรามที่เลือกใช้ด้วย หากหมดฤทธิ์ยาแล้ว กรามเริ่มเด้งกลับขึ้นมา ก็สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เรื่อย ๆ เพื่อคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น
โบท็อกลดกราม เจ็บไหม ?
การฉีดโบท็อกลดกราม จะมีความเจ็บเพียงเล็กน้อย ก่อนฉีดคลินิกจะมีการแปะยาชาให้ และในขณะที่เดินยาจะมีการประคบเย็นไปด้วย เพื่อลดความเจ็บจากเข็มฉีดยา ตอนที่ฉีดอาจจะรู้สึกตึง ๆ บ้าง หากฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ มือเบาในการฉีด ก็จะไม่เกิดรอยช้ำ ไม่เจ็บมาก และไม่ทิ้งรอยเข็มไว้ให้เห็นค่ะ
โบท็อกลดกราม ผลข้างเคียงที่พบ มีอะไรบ้าง ?
หลังจากฉีดโบท็อกกราม ผลข้างเคียงที่พบ มักเกิดจากความไม่ชำนาญและความไม่ระวังของแพทย์ที่มีประสบการณ์ไม่มากพอ ทำให้เกิดผลข้างเคียง ดังต่อไปนี้
- ฉีดโบท็อกลดกรามแล้ว ทำให้ยิ้มแข็ง ๆ ยิ้มไม่สุด
อาการยิ้มแข็ง ๆ ยิ้มไม่สุด เกิดขึ้นได้หากโบท็อกแพร่ไปโดนกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ดึงมุมปากเวลายิ้ม ชื่อว่า Risorius โดยมีปัจจัยที่ทำให้เกิดได้ดังนี้
- ฉีดผิดตำแหน่ง ในการฉีดโบท็อกที่กล้ามเนื้อกรามจะมีจุดที่จำเป็นต้องฉีดใกล้กับกล้ามเนื้อ Risorius ซึ่งหมอที่มีประสบการณ์ทุกคนจะพยายามระวังในจุดนี้
- ในบางคนมีกล้ามเนื้อ Risorius เกาะต่ำกว่าปกติ ไม่เหมือนคนทั่วไป พบได้ 1-2% ถึงแม้หมอจะพยายามระมัดระวังอย่างมากแล้วก็อาจจะฉีดโดนได้ ทำให้มีอาการยิ้มแข็ง ๆ หรือยิ้มไม่สุด
- หากอาการยิ้มแข็ง ๆ ยิ้มไม่สุด เกิดจากสาเหตุข้อ 1 และ 2 ถือเป็นเหตุสุดวิสัย มักจะเกิดขึ้นเฉพาะการฉีดในครั้งแรก ๆ แพทย์จะบันทึกประวัติเอาไว้และระมัดระวังในการฉีดครั้งต่อ ๆ ไป
- ใช้โบท็อกปลอม เมื่อฉีดตัวยาจึงกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ แพร่ไปโดนกล้ามเนื้อ Risorius
- ในคนที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่มาก ต้องใช้จำนวนยูนิตเยอะ ยาจึงแพร่กระจายกว้าง แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการทยอยฉีดโบท็อก ด้วยการแบ่งฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 2-3 เดือน
- อาการยิ้มแข็ง ๆ ยิ้มไม่สุด จะเป็นแค่ชั่วคราว หายได้เองใน 1-2 เดือน การประคบร้อน การนวด RF (Radio Frequency) จะช่วยให้หายไวยิ่งขึ้น
- ฉีดโบท็อกลดกรามแล้ว ทำให้หน้าตอบ
ในกรณีนี้เกิดขึ้นได้ ถ้าแพทย์ฉีดโบท็อกมากเกินไป หรือฉีดผิดตำแหน่ง อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณด้านบนใบหน้ายุบจนเห็นเป็นหน้าตอบ และทำให้กระดูกโหนกแก้มดูนูนเด่นขึ้นมาได้
- ฉีดโบท็อกลดกรามแล้ว ปากเบี้ยว
หลังฉีดโบท็อกลดกรามแล้วปากเบี้ยว เกิดจากฉีดโบท็อกผิดตำแหน่ง ไปโดนกล้ามเนื้อบริเวณมุมปาก ที่ทำหน้าที่ในการขยับมุมปาก อย่างกล้ามเนื้อ Risorius หรือ Zygomatic เมื่อโบท็อกออกฤทธิ์จะทำให้ลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ ทำให้ปากสองข้างเบี้ยวและไม่สมมาตรกัน
ผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกลดกราม ป้องกันได้อย่างไร ?
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกลดกราม สิ่งที่ควรให้ความสำคัญ คือ
- ควรศึกษาข้อมูลและเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มั่นใจได้ว่าปลอดภัย และดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ไม่ควรไปฉีดโบท็อกลดกรามกับคลินิกเถื่อน หรือฉีดโดยหมอกระเป๋า หรือพยาบาล โดยสามารถนำชื่อ-นามสกุล ของแพทย์ที่ทำหัตถการไปตรวจสอบกับเว็บไซต์แพทยสภาได้ที่ ( https://checkmd.tmc.or.th/ )
- ศึกษาวิธีการดูโบท็อกแท้ เพื่อลดความเสี่ยงในการพลาดไปฉีดโบท็อกปลอม โบท็อกหิ้ว หรือโบท็อกที่ลักลอบนำเข้ามา ซึ่งเป็นโบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน ตัวยาไม่ได้ถูกเก็บอย่างถูกต้อง ฉีดแล้วอาจเกิดอาการดื้อโบท็อก และเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมาได้
วิธีการสังเกตโบท็อกแท้ แต่ละยี่ห้อ
- วิธีดูโบท็อกแท้ ยี่ห้อ Dysport
- วิธีดูโบท็อกแท้ ยี่ห้อ Aestox
- วิธีดูโบท็อกแท้ ยี่ห้อ Allergan
- วิธีดูโบท็อกแท้ ยี่ห้อ Xeomin
- วิธีดูโบท็อกแท้ ยี่ห้อ Nabota
โบท็อกลดกราม ที่ไหนดี ?
หากมีความกังวลว่าจะเลือกคลินิกฉีดโบท็อกลดกรามอย่างไร ให้มีความปลอดภัยและไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง แนะนำให้พิจารณาจากข้อสังเกตต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- คลินิกที่เลือกใช้บริการได้มาตรฐาน มีการเปิดอย่างถูกต้อง มีใบอนุญาตรับรอง มีป้ายชื่อ และเลขใบอนุญาต 11 หลัก ติดในที่ที่มองเห็นได้ชัดเจน ภายในคลินิกดูสะอาด มีอุปกรณ์และเครื่องมือพร้อมใช้งาน
- คลินิกนั้นมีรีวิว ก่อน-หลังทำ ทั้งแบบรูปภาพและวิดีโอ จากผู้ที่เคยใช้บริการจริง ในสื่อที่เป็นกลาง ไม่สามารถเข้าไปลบได้หากมีเคสหลุด เช่น pantip, wongnai
- ก่อนฉีดโบท็อก แพทย์ที่ทำหัตถการแกะกล่อง และเปิดขวดตัวยาโบท็อกให้ดูต่อหน้า รวมถึงอนุญาตให้นำกล่องกลับบ้านได้ เพื่อให้เราสามารถนำไปเช็คถึงต้นทางบริษัทที่นำเข้ามา เพื่อยืนยันว่าเป็นโบท็อกแท้จริง ๆ
- คลินิกให้ข้อมูลอย่างละเอียดครบถ้วน ชัดเจน ไม่ยัดเยียดคอร์ส ให้เวลาในการตัดสินใจ แพทย์เองก็ให้คำแนะนำที่จริงใจ และตรงไปตรงมา
- คลินิกนั้นมีการติดตามผลหลังการทำอย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางที่สามารถติดต่อที่สะดวก รวดเร็ว หลากหลายช่องทาง เช่น Line@ หรือ Facebook และเบอร์โทรศัพท์หากเกิดปัญหาหรือข้อสงสัยสามารถติดต่อแพทย์เจ้าของเคสได้ทันที
สรุป
ปัญหากรามใหญ่ หน้าบาน สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบท็อกลดกราม ช่วยให้กรามเล็กลง หน้าดูเรียวกระชับขึ้น เริ่มเห็นผลภายใน 2 อาทิตย์ สิ่งสำคัญคือควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้โบท็อกแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกลดกรามเป็นไปตามที่คาดหวัง มีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงตามมาค่ะ