เมื่อสภาพอากาศเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง และยังรวมไปถึงมลภาวะต่าง ๆ ในปัจจุบันที่มีอยู่มาก จึงทำให้หลาย ๆ คนอาจเกิดอาการภูมิแพ้กำเริบกันไปหมด บ้างก็น้ำมูกไหล บ้างก็คัดจมูก บ้างก็เกิดการระคายเคืองที่ช่องคอ และในบางคนยังอาจมีอาการผื่นแพ้อากาศอีกด้วย
แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ ไม่ว่าจะเป็นมลพิษหรือฝุ่นควันต่าง ๆ อีกทั้งยังมีสภาพอากาศที่แปรปรวนรายวัน จึงทำให้ผู้ที่เป็นภูมิแพ้สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะก่อให้เกิดอาการค่อนข้างยากลำบาก ดังนั้นในบทความนี้เราจึงจะมาบอกเล่าข้อมูลของผื่นแพ้อากาศให้ทุกคนได้รู้จักกัน เพื่อให้รับรู้ต้นสายปลายเหตุของอาการนี้
นอกจากนี้แล้วเรายังได้รวบรวมวิธีการรักษาและวิธีในการป้องกันผื่นแพ้อากาศไว้ให้แล้ว เพราะฉะนั้นผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาผื่นแพ้อากาศ เพียงแค่ได้อ่านบทความนี้ คุณจะสามารถปรับตัวและรับมือกับอาการเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน
รู้จักกับอาการผื่นแพ้อากาศ
ผื่นแพ้อากาศ หรือผื่นคันแพ้อากาศ คืออาการแพ้ที่แสดงออกทางผิวหนังซึ่งมักจะมาพร้อมกับอาการภูมิแพ้อากาศ โดยจะเป็นการตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเมื่อได้สัมผัสหรือสูดดมสิ่งที่อาจกระตุ้นให้เกิดอากาศแพ้ต่าง ๆ
อาการของผื่นแพ้อากาศมีลักษณะอย่างไร
หลังจากที่เราได้รู้จักกันไปแล้วว่าผื่นแพ้อากาศคืออะไร ในหัวข้อต่อไปนี้เราจะมาบอกถึงอาการแพ้อากาศผื่นขึ้นกันว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่จะนำไปใช้ประกอบการสังเกตอาการของตัวเองว่าใกล้เคียงหรือไม่ และนอกจากนี้เรายังได้รวบรวมตำแหน่งที่มักพบภูมิแพ้อาการผื่นขึ้นอยู่บ่อย ๆ มาอีกด้วย เพราะเมื่อเกิดอาการผื่นแพ้อากาศขึ้นทุกคนไม่ควรปล่อยปละละเลยหรือทิ้งเอาไว้ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้
อาการของผื่นแพ้อากาศ
- ลักษณะผื่นแพ้อากาศจะสามารถเป็นได้ทั้งตุ่มนูนแดงหรือเกิดปื้นแดงขึ้นบริเวณผิวหนัง
- ผิวในบริเวณที่เป็นผื่นแพ้อากาศจะแห้งเป็นขุย และมีอาการคัน
- เมื่อมีเหงื่อออกในบริเวณที่เป็นผื่นแพ้อากาศก็จะทำให้อาการคันรุนแรงมากขึ้น
- ผื่นแพ้อากาศจะเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศ
- ผื่นแพ้อากาศเมื่อยิ่งเกาก็จะยิ่งคัน และอาจลามมากยิ่งขึ้น
- นอกจากนี้แล้วผื่นแพ้อากาศยังอาจมีอาการอื่น ๆ รวมด้วย เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ระคายคอ มีเสมหะ คันตา หรือคันหู เป็นต้น
ตำแหน่งผื่นคันแพ้อากาศที่พบบ่อย
- แก้ม
- ลำคอ
- ข้อพับที่แขน
- ข้อพับที่ขา
สาเหตุของผื่นแพ้อากาศ
ผื่นแพ้อากาศนั้นมีสาเหตุอยู่มากมายด้วยกันที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ขึ้นได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสาเหตุที่มาจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ เชื้อโรค หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่นำมาใช้กับร่างกายหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ต้องสัมผัสกับผิวหนัง
- สภาพอากาศหรืออุณหภูมิที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหรือบ่อยครั้ง ก็นับเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดผื่นแพ้อากาศเลยทีเดียว เนื่องจากผิวของเราก็อาจไม่สามารถปรับสภาพตามกับสภาพอากาศได้ทัน จนอาจถูกกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมาได้ โดยอาจเกิดได้ทั้งผื่นแพ้อากาศหนาวและผื่นแพ้อากาศร้อน
- สภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่และเต็มไปด้วยมลพิษ ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำ หรือแม้แต่ฝุ่นควันต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนสามารถกระตุ้นให้ผิวเราเกิดอาการแพ้และเป็นผื่นแพ้อากาศได้ทั้งสิ้น
- เชื้อโรคชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส นอกจากจะสามารถทำให้ร่างกายอ่อนแอลงได้แล้ว ยังสามารถทำให้ผิวอ่อนแอลงจนเกิดอาการผื่นแพ้อากาศได้ง่ายอีกด้วย เนื่องจากเชื้อโรคเหล่านี้จะไปทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเราลดต่ำลงนั่นเอง
- การใช้สบู่หรือผงซักฟอกที่มีฤทธิ์เป็นด่างก็อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและอ่อนแอลงได้ และเมื่อผิวอ่อนแอก็อาจถูกมลภาวะกระตุ้นให้เกิดผื่นคันแพ้อากาศได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย
ผื่นแพ้อากาศ กับ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือ Atopic dermatitis คือโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นจากการแปรผันทางพันธุกรรม สามารถพบได้ในผู้คนทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนมากแล้วมักจะพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี
โดยอาการของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงคล้ายกับลมพิษ มีผิวแห้งแตกเป็นขุย และจะมีอาการคันอย่างรุนแรงในช่วงเวลากลางคืน
นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคแพ้อากาศร่วมด้วย อีกทั้งผู้ป่วยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังยังมีสภาพผิวที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้มากกว่าบุคคลทั่วไป จึงส่งผลให้ผู้ที่เป็นโรคนี้มีโอกาสเกิดผื่นแพ้อากาศได้ง่ายกว่าบุคคลทั่วไป
รักษาผื่นแพ้อากาศอย่างไรดี
ปัจจัยที่ทำให้เกิดผื่นแพ้อากาศเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงหรือหลบหลีกได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นเมื่อเกิดอาการผื่นแพ้อากาศขึ้นแล้ว ก็ควรได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพราะถ้าหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลให้ผิวในบริเวณนั้นหนาตัวขึ้นจนเกิดเป็นรอยคล้ำ หรือในผู้ที่เกามาก ๆ ก็อาจทำให้เกิดแผลและติดเชื้อบริเวณผิวหนังได้
ทาครีมที่มียาคอร์ติโคสเตอรอยด์ (Corticosteroids) เป็นส่วนผสม
ยาคอร์ติโคสเตอรอยด์ หรือ Corticosteroids เป็นยาที่จะช่วยลดอาการคัน ลดการอักเสบของผิวหนัง ลดอาการบวม กดภูมิคุ้มกัน ลดผื่นคัน ผื่นแดง ผื่นแพ้อากาศ รวมไปถึงช่วยลดอาการแพ้อื่น ๆ โดยยาชนิดนี้เป็นยาในกลุ่มของสเตอรอยด์ที่นิยมนำมาใช้สำหรับทาภายนอก ซึ่งจะมีอยู่หลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบครีม โลชั่น สเปรย์ หรือแบบขี้ผึ้ง
รับประทานยาแก้แพ้
สำหรับผู้ที่เป็นผื่นแพ้อากาศนั้นสามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาแก้แพ้กลุ่มยาไฮดรอกไซซีน (Hydroxyzine) วิธีการรักษาผื่นแพ้อากาศด้วยการรับประทานยาจะสามารถเห็นผลได้รวดเร็วมากกว่าการทาครีม เนื่องจากยาชนิดนี้จะช่วยลดการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และทำให้ร่างกายหลั่งสารแอนติฮิสตามีน ซึ่งจะช่วยให้อาการผื่นแพ้อากาศนั้นดีขึ้น
ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
ถ้าหากว่าไม่แน่ใจว่าควรใช้วิธีใดในการรักษาผื่นแพ้อากาศที่ตัวเองเป็นอยู่ หรือไม่รู้ว่าควรใช้ยาชนิดใดในการรักษา การเลือกเข้ารับการรักษาหรือปรึกษากับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพื่อให้อาการผื่นแพ้อากาศของเราได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและตรงจุดมากที่สุด
วิธีป้องกันผื่นแพ้อากาศ
ถึงแม้ว่าผื่นแพ้อากาศจะมีวิธีในการรักษา แต่อาการเหล่านี้ก็ไม่สามารถที่จะรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากว่าสาเหตุหรือปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้เกิดผื่นแพ้อากาศขึ้นมาอีกครั้งก็ยังคงมีอยู่ ดังนั้นเราจึงควรป้องกันและดูแลผิวของเราให้แข็งแรงพร้อมรับกับมลภาวะต่าง ๆ
ใช้ครีมบำรุงสำหรับการฟื้นฟูสมดุลของสุขภาพผิวให้แข็งแรง
ควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของสารก่อภูมิคุ้มกันต่าง ๆ เช่น วิตามินซี วิตามินดี และ Coenzyme Q10 เพื่อให้ผิวมีภูมิคุ้มกันที่ดีและแข็งแรงพร้อมที่จะเผชิญกับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ และไม่ถูกกระตุ้นให้เกิดผื่นแพ้อากาศขึ้นมาอีก
หลีกเลี่ยงฝุ่นละอองและมลภาวะต่าง ๆ
เนื่องจากฝุ่นควันหรือมลภาวะต่าง ๆ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สามารถกระตุ้นให้ผิวเกิดอาการผื่นแพ้อากาศได้ ดังนั้นจึงควรที่จะหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด เช่น ไม่เข้าไปในบริเวณที่มีฝุ่นหรือมลภาวะหนาแน่น เป็นต้น
ทำความสะอาดเครื่องนอนสม่ำเสมอ
เครื่องนอนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ปลอกหมอนข้าง หรือแม้แต่ตุ๊กตาบนเตียง ก็ล้วนจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง และจะดียิ่งขึ้นถ้าหากการทำความสะอาดเครื่องนอนแต่ละครั้งได้นำเครื่องนอนไปแช่ในน้ำร้อนประมาณ 15-30 นาที เพราะจะช่วยกำจัดไรฝุ่นต่าง ๆ ที่อยู่บนเครื่องนอนได้
ไม่อาบน้ำที่อุณหภูมิร้อนเกินไป
การอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนจะทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้นไป จนอาจทำให้เกิดอาการผิวแห้งคัน แตกเป็นขุย รวมไปถึงผิวหนังเกิดอ่อนแอลงได้ และเมื่อผิวอ่อนแอลงก็สามารถที่จะเกิดอาการผื่นแพ้อากาศขึ้นง่ายตามมา
หลีกเลี่ยงสบู่หรือผงซักฟอกที่มีฤทธิ์เป็นด่าง
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีฤทธิ์เป็นด่าง เพราะอาจจะทำให้ผิวเกิดอาการผื่นแพ้อากาศได้ และนอกจากการเลือกใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแล้ว การเลือกใช้ผงซักฟอกหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผ้าก็สำคัญเช่นกัน เพราะถ้าหากว่าเสื้อผ้าของเราที่ถูกซักด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นด่างมาสัมผัสหรือถูกับผิวของเรา ก็อาจทำให้ผิวเกิดผื่นแพ้อากาศได้เช่นกัน
คำถามที่เกี่ยวข้องกับผื่นแพ้อากาศ
จะทราบได้อย่างไรว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องการแพ้อากาศ?
สามารถที่จะสังเกตจากอาการของตัวเองเมื่อต้องเจอหรือสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ เช่น สภาพอากาศที่แปรปรวน ฝุ่นควัน หรืออุณหภูมิที่ต่ำและสูงมากเกินไป เป็นต้น โดยอาการแพ้อากาศที่จะสังเกตได้มีทั้งระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง ได้แก่ ผื่นแดง คัดจมูก น้ำมูกไหล ระคายคอ มีเสมหะ แสบตา ตาแดง คันตา คันหู และอาการจาม
เมื่อใดควรพบแพทย์?
ถ้าหากใช้วิธีรักษาด้วยตัวเองแล้วยังผื่นแพ้อากาศยังไม่หายดีภายใน 3-5 วัน ควรเข้าพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและจะได้เข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องและตรงจุดที่สุด หรือถ้าหากผู้ใดที่มีความกังวลก็สามารถเข้าพบแพทย์ได้เลยตั้งแต่รู้ตัวว่ามีอาการผื่นแพ้อากาศ
ข้อสรุป
ภูมิแพ้อากาศนอกจากจะทำให้มีอาการต่าง ๆ ที่ระบบทางเดินหายใจแล้ว ยังสามารถทำให้มีอาการผื่นแพ้อากาศได้อีกด้วย นับได้ว่าครบสูตรเรื่องการสร้างความลำบากให้แก่ผู้ที่เป็นภูมิแพ้มากเลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อที่จะไม่ให้เกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมา ทุกคนควรดูแลตัวเองให้ดีและหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้มากที่สุดนะคะ