โบท็อกรักแร้ ช่วยคืนความมั่นใจ ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ได้อย่างไร ?

โบท็อกรักแร้

โบท็อกรักแร้

สำหรับใครที่ต้องเผชิญกับภาวะเหงื่อออกบริเวณรักแร้มาก ๆ จนเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน ใส่เสื้อผ้าชุดไหนก็ขาดความมั่นใจ ทำให้เสียบุคลิกภาพ อีกทั้งเหงื่อที่ออกมากยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว การใช้โรลออน สเปรย์ หรือน้ำหอมลดกลิ่นตัวอาจช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ทั้งหมดล้วนเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากต้องการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุแนะนำให้ฉีด “ โบท็อกรักแร้ ” ตัวช่วยลดกลิ่นเหงื่อ กำจัดกลิ่นตัวที่กำลังได้รับความนิยม

โบท็อกรักแร้ คืออะไร ? 

โบท็อกรักแร้ คือ การใช้โบท็อก หรือชื่อทางการค้า เรียกว่า โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin type A) ซึ่งเป็นสารสกัด จากแบคทีเรีย ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (neurotoxin) โดยจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว นิยมนำมาใช้ในการเสริมความงาม ช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น นอกจากนี้ โบท็อกยังสามารถฉีดเฉพาะจุดได้ เช่น โบท็อกรักแร้ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว เพื่อเรียกคืนความมั่นใจ 

โบท็อกรักแร้ ช่วยเรื่องอะไร ?

รักแร้ เป็นบริเวณที่มีต่อมเหงื่อ หรือที่เรียกว่า อะโปคริน (Apocrine) ที่นอกจากจะมีต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้แล้ว บริเวณขาหนีบ ก้น แผ่นหลัง ก็มีด้วยเช่นกัน เหงื่อที่ออกมาจากบริเวณนี้จะมีกลิ่น เนื่องจากมีส่วนผสมของไขมันอยู่มาก สำหรับใครที่มีเหงื่อออกมากบริเวณนี้ก็จะยิ่งมีกลิ่นตัวมาก ทำให้ขาดความมั่นใจ และเสียบุคลิกภาพ 

การฉีดโบท็อกรักแร้ สามารถช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อและกลิ่นกาย บริเวณใต้วงแขนให้ทำงานได้น้อยลง ลดปริมาณเหงื่อที่ออกใต้รักแร้ได้มากกว่า 80% และสามารถช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวไม่พึงประสงค์ได้

โบท็อกรักแร้ เหมาะกับใคร ?

ใครบ้างที่เหมาะสำหรับฉีดโบท็อกลดเหงื่อ

  • คนที่มีเหงื่อออกเยอะมากเกินไป มีกลิ่นตัว จนกลายเป็นปัญหา
  • คนที่ไม่อยากให้รักแร้เปียกชุ่มจนเห็นเป็นวงบริเวณใต้แขนเสื้อ
  • คนที่ต้องออกงานสังคมบ่อย ๆ ต้องการความมั่นใจเวลาใส่เสื้อผ้า
โบท็อกรักแร้ เหมาะกับใคร
  • คนที่แพ้ผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว เช่น โรลออน สเปรย์ สติ๊ก และครีม
  • คนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว
  • คนที่กลัวเจ็บ กลัวการผ่าตัดต่อมเหงื่อที่รักแร้
  • คนที่ไม่อยากมีรอยแผลเป็นที่รักแร้

ฉีดโบท็อกรักแร้ มีข้อดีและข้อควรระวังอะไรบ้าง ?

ฉีดโบท็อกรักแร้ ช่วยลดเหงื่อและกลิ่นตัวได้กว่า 80% จึงได้รับความนิยม เมื่อเหงื่อน้อยลง กลิ่นตัวก็จะลดลงตามไปด้วย

ข้อดี

  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บ ไม่มีแผลเป็น
  • ช่วยลดปัญหากลิ่นใต้วงแขน
  • ราคาไม่แพง
  • ไม่ต้องเตรียมตัว
  • หลังฉีดโบท็อกรักแร้ ไม่ต้องพักฟื้น ทำแล้วสามารถกลับบ้านได้เลย

ข้อควรระวัง

  • หากฉีดโบท็อกรักแร้ โดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ คำนวณปริมาณโบท็อกที่ต้องใช้ได้ไม่เหมาะสม หรือไม่รู้เทคนิคการฉีดโบท็อกรักแร้ที่แม่นยำ อาจทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร หรือไม่เห็นผลได้
  • หากฉีดโบท็อกรักแร้กับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่โบท็อกแท้ที่มีคุณภาพ ไม่ผ่านการรับรองจากอย. ก็อาจเกิดผลข้างเคียงและเป็นอันตรายได้ 

นอกจากข้อดีและข้อควรระวังหลังฉีดโบท็อกรักแร้ลดเหงื่อแล้ว ยังมีข้อควรระวังในการรักษาผลลัพธ์ให้โบท็อกอยู่ได้นานที่สุดด้วย

โบท็อกรักแร้ ควรฉีดกี่ยูนิต ?

การฉีดโบท็อกรักแร้ข้างละ 100-200 ยูนิตรวม 2 ข้าง เข้าไปบริเวณรักแร้ 20-30 จุด ถือว่าเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อการยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อและกลิ่นกาย 

โบท็อกรักแร้ ควรฉีดกี่ยูนิต

แต่ทั้งนี้ ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินปริมาณการฉีดโบท็อก โดยดูจากปัญหาเหงื่อบริเวณรักแร้ กล้ามเนื้อหรือไขมัน เพื่อแนะนำปริมาณการฉีดโบท็อกที่เหมาะสมต่อการรักษาแต่ละครั้ง

โบท็อกรักแร้ มีกี่ยี่ห้อ ราคาเท่าไหร่ ?

Botox รักแร้ลดเหงื่อที่คลินิกชั้นนำเลือกใช้ มีอยู่ด้วยกัน 4 ยี่ห้อ คือ

  1. Nabota (เกาหลี) 100 ยูนิต อยู่ได้ 3 เดือน 
  2. Aestox (เกาหลี) 200 ยูนิต อยู่ได้ 5 เดือน
  3. Xeomin (เยอรมัน) 200 ยูนิต อยู่ได้ 5 เดือน
  4. Dysport (อังกฤษ) 300 ยูนิต อยู่ได้ 3 เดือน และ 600 ยูนิต อยู่ได้ 5 เดือน

ทั้งนี้ การเลือกยี่ห้อและปริมาณที่เหมาะสม แนะนำให้แพทย์เป็นผู้ประเมินเพื่อการรักษาที่แม่นยำ ลดเหงื่อรักแร้ได้อย่างตรงจุด (โบท็อกรักแร้มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 9,000 บาท)  

โบท็อกรักแร้ กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานไหม ?

หลังฉีดโบท็อกรักแร้ จะใช้เวลาประมาณ 3-7 วันจึงจะเห็นผล สังเกตได้ว่าเหงื่อที่ออกมากเป็นปกติจะค่อย ๆ ลดลง และสามารถคงผลลัพธ์ได้นานประมาณ 3-5 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและปริมาณโบท็อกที่เลือกใช้ รวมถึงการดูแลตัวเองหลังการฉีดอย่างเหมาะสม หากอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อน อบอ้าวก็อาจส่งผลให้การผลิตเหงื่อออกมาเร็วกว่าปกติได้ สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องสามารถฉีดโบท็อกรักแร้ซ้ำได้เรื่อย ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ 

วิธีดูแลตัวเอง หลังฉีดโบท็อกรักแร้

เพื่อให้โบท็อกรักแร้ออกฤทธิ์ได้ดี คงผลลัพธ์ได้นาน หลังฉีดโบท็อกควรดูแลตัวเอง ดังนี้ 

วิธีดูแลตัวเอง หลังฉีดโบท็อกรักแร้
  • ดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตร ช่วยคงสภาพการออกฤทธิ์ของโบท็อกให้อยู่ได้นาน
  • ห้ามแกะ เกา นวด บริเวณที่ฉีดโบท็อก
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทาบริเวณรักแร้ 1 วัน
  • งดทำทรีตเมนต์บริเวณรักแร้ เลเซอร์รักแร้ 2 อาทิตย์
  • งดอบซาวน่า อบตัว หลังฉีดรักแร้ 2 อาทิตย์
  • หลีกเลี่ยงการทานอาหารหมักดองทุกชนิด 2 อาทิตย์
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 2 อาทิตย์

นอกจากนั้นควรดูแลตัวเองเพิ่มเติม หลังฉีดโบท็อกรักแร้ ดังนี้

  • สวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่คับแน่นจนเกินไป
  • รักษาความสะอาดของร่างกาย อาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
  • ดูแลให้เสื้อผ้าที่สวมใส่ให้แห้ง เพื่อลดกลิ่นอับชื้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด รวมถึงอาหารเผ็ดร้อน ซึ่งขับเหงื่อและทำมีกลิ่นตัวแรง
  • ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้น้ำหนักเกินมาตรฐาน และต่อมเหงื่อที่รักแร้ผลิตเหงื่อออกมากกว่าปกติ

ฉีดโบท็อกรักแร้ ที่ไหนดี ?

ก่อนตัดสินใจว่าจะฉีดโบท็อกที่ไหนดี นอกจากจะต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานเชื่อถือได้เพื่อความปลอดภัยแล้ว ราคาต้องเหมาะสมด้วย 

ฉีดโบท็อกรักแร้ ที่ไหนดี

สำคัญคือแพทย์ต้องมีประสบการณ์สูง สามารถคำนวณปริมาณโบท็อกที่ใช้กับคนไข้แต่ละเคสได้ เนื่องจากปริมาณของเหงื่อ กล้ามเนื้อ และชั้นไขมันของแต่ละคนไม่เท่ากัน จึงต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์ในการประเมิน เพื่อให้ผลการรักษาออกมาดีที่สุด

สรุป 

โบท็อกรักแร้ สามารถลดเหงื่อ ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นกายที่ไม่พึงประสงค์ หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกรักแร้ ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหารักแร้ได้อย่างตรงจุด เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่ดี และปลอดภัย

Thank you for your Vote Rating
[Total: 0 Average: 0]