หน้าสิว หน้าเป็นสิว ปัญหาใหญ่ของวัยรุ่นที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งทำให้รู้สึกเจ็บและรำคาญบนผิวหนัง แถมยังเป็นบุคลิกที่ไม่ดี ทำให้สูญเสียความมั่นใจอีกต่างหาก หลายคนเชื่อว่าสิวเกิดจากการที่ทำความสะอาดใบหน้าและผิวหนังไม่ดี จึงพยายามรักษาความสะอาดบนใบหน้าและผิวหนังเพื่อลดสิว แต่รู้หรือไม่ว่าสิวไม่ได้เกิดจากการที่ไม่รักษาความสะอาดเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ทำให้หน้าเป็นสิวได้ แถมวิธีลดสิวก็ยังแตกต่างอีกด้วย
บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ สิว อย่างละเอียดว่าสิวคืออะไร สาเหตุการเกิดสิวเกิดจากอะไร สิวมีกี่ประเภท และวิธีลดสิวอย่างถูกต้องกันค่ะ
สิว คืออะไร
หน้าเป็นสิว ไม่ไหวจะเคลียร์ ก่อนจะมาหาวิธีรักษาสิวควรจะรู้ก่อนว่าสิวคืออะไร เพื่อที่จะได้เข้าใจปัญหาสิวอย่างถ่องแท้ และรักษาสิวอย่างถูกต้องกันค่ะ
โดยปกติแล้วผิวหนังจะมีต่อมไขมันอยู่ใต้ผิวหนัง โดยทำหน้าที่สร้างน้ำมันและไขมันแล้วส่งออกผ่านรูขุมขน เพื่อให้ใบหน้าเกิดความชุ่มชื้น แต่เมื่อใดที่การสร้างน้ำมันและไขมันนี้มากจนทำให้รูขุมขนไม่สามารถระบายออกได้ทัน จนทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน นอกจากนี้อาจมีเซลล์ที่ตายแล้วที่ยังไม่ได้ผลัดเซลล์ออกจากผิวหนังไปอุดตันในรูขุมขน ในกระบวนการนี้สิ่งที่อุดตันจะเรียกว่า ‘สิว’ นั่นเอง
และเมื่อใดที่เกิดการอุดตันมากขึ้น เม็ดก้อนสิวนั้นก็จะใหญ่ขึ้น และทำให้รูขุมขนขยายตัวจนทำให้สามารถเห็นเป็นตุ่มบนผิวหน้า และเมื่อใดที่เกิดการติดเชื้อหรือตุ่มนั้นขยายจนผิวหนังโดยรอบเกิดการอักเสบก็จะส่งผลให้สิวนั้นมีความรุนแรงมากขึ้นและอาจเกิดหนองสิวได้ นอกจากนี้หากการติดเชื้อสิวรุนแรงไปถึงผิวชั้นในก็จะส่งผลให้เกิดสิวภายใต้ผิวหนัง และทำให้การรักษาสิวทำได้ยาก
สิวสามารถขึ้นได้บนผิวหนังทั่วร่างกาย แต่บริเวณที่มักพบสิวคือ ใบหน้า คอ หลัง และหน้าอก สิวพบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่มักจะพบในช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และพบในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิง แล้วทำไมถึงพบสิวบ่อยในบริเวณที่กล่าวไป และทำไมถึงพบสิวขึ้นในช่วงวัยรุ่น โดยเฉพาะผู้ชาย มาดูคำตอบได้ในหัวข้อถัดไปเลยค่ะ
สาเหตุการเกิดสิวเกิดจากอะไร
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าสิวไม่ได้เกิดจากการไม่รักษาความสะอาดผิวหนัง แต่ยังมีสาเหตุการเกิดสิวอื่น ๆ อีกด้วย หากรู้ถึงสาเหตุการเกิดสิวว่าเกิดจากอะไรแล้วก็จะสามารถใช้วิธีลดสิวที่เหมาะกับสาเหตุการเกิดสิวนั้น ๆ ค่ะ ในหัวข้อนี้จะขอแบ่งสาเหตุการเกิดสิวออกเป็น 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าสิวไม่ได้เกิดจากการไม่รักษาความสะอาดผิวหนัง แต่ยังมีสาเหตุการเกิดสิวอื่น ๆ อีกด้วย หากรู้ถึงสาเหตุการเกิดสิวว่าเกิดจากอะไรแล้วก็จะสามารถใช้วิธีลดสิวที่เหมาะกับสาเหตุการเกิดสิวนั้น ๆ ค่ะ ในหัวข้อนี้จะขอแบ่งสาเหตุการเกิดสิวออกเป็น 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้
- ปัจจัยภายนอก
สาเหตุการเกิดสิวจากปัจจัยภายนอกมักมาจากพฤติกรรมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว แล้วทำความสะอาดไม่ดี ทำให้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวนั้นเกิดการอุดตันในรูขุมขน ก่อให้เกิดสิวตามมา หรือมาจากการแพ้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวบางชนิด การรับประทานอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตมาก อย่างเช่นแป้งและน้ำตาล ก็ก่อให้ผิวเกิดสิวได้ง่าย หรือการอยู่ในสภาพอากาศที่ไม่ดี อย่างเช่นอากาศร้อน ทำให้เกิดเหงื่อไคลซึ่งอาจไปอุดตันรูขุมขนได้ง่าย แสงแดดที่อาจไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง หรืออยู่ในที่ที่ลมและฝุ่นมาก ทำให้สิ่งสกปรกมาเกาะบนผิวได้มากขึ้น หรือแม้กระทั่งการรับประทานยาบางชนิดที่ไปกระทบถึงปัจจัยภายในและอาจส่งผลให้เกิดสิวขึ้น เช่น ยาฮอร์โมนต่าง ๆ หรือการทำความสะอาดใบหน้าอย่างรุนแรง ทำให้ผิวระคายเคืองก่อให้เกิดสิวง่าย เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าปัจจัยภายนอกเหล่านี้เป็นสาเหตุการเกิดสิวที่สามารถปรับแก้ได้และมีวิธีลดสิวและรักษาสิวด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยภายนอกดังกล่าว ก็สามารถลดสิวได้นั่นเอง
- ปัจจัยภายใน
สาเหตุการเกิดสิวจากปัจจัยภายในเป็นผลจากภายในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน กรรมพันธุ์ โรคต่าง ๆ หรือลักษณะของผิวพรรณ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยภายในที่เห็นกันได้บ่อย ๆ คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย ซึ่งเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ร่างกายจะมีการเพิ่มระดับฮอร์โมนค่อนข้างมาก จึงเป็นคำตอบว่าทำไมสิวจะพบมากในวัยรุ่นนั่นเอง
สิวมีกี่ประเภท
หากเรารู้ว่าสิวขึ้นมาบนผิวหน้าเราเป็นสิวชนิดใดก็จะทำให้สามารถวางแผนรักษาสิวได้ถูกกับลักษณะสิวนั้น ๆ ค่ะ หัวข้อนี้จะแบ่งประเภทสิวออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
สิวที่ไม่มีการอักเสบ
สิวไม่อักเสบเป็นสิวที่เกิดจากการมีสิ่งสกปรก หรือไขมันและน้ำมันไปอุดตันในรูขุมขนโดยที่ไม่มีการอักเสบหรือติดเชื้อร่วมด้วย ผู้ที่เป็นสิวไม่อักเสบจะไม่รู้สึกเจ็บปวดจากสิว แต่สิวประเภทนี้มักสร้างความรำคาญ ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และสามารถพัฒนาไปเป็น
สิวอักเสบ ในภายหลังได้ด้วยค่ะ
-สิวอุดตัน (Comedones)
สิวอุดตันเกิดจากการที่มีน้ำมันและไขมันที่ผลิตมาจากต่อมไขมันมากเกินไปตกค้างอยู่ในรูขุมขน และเซลล์ผิวเกิดการสร้างเคราตินไปรวมตัวกับน้ำมันหรือไขมันที่อยู่ภายในรูขุมขน จึงก่อให้เกิดสิวอุดตันนั่นเอง แต่สิวอุดตันนี้ยังสามารถแบ่งชนิดย่อย ๆ ได้อีก 2 ชนิดตามลักษณะสิว คือสิวหัวปิด (Closed Comedone) หรือสิวหัวขาว (Whiteheads) และสิวหัวเปิด (Open Comedone) หรือสิวหัวดำ(Blackheads)
- สิวหัวปิด (Closed Comedone) หรือเรียกอีกอย่างได้ว่าสิวไม่มีหัว เป็นสิวอุดตันที่มองเห็นได้ยาก อาจเห็นเป็นตุ่มนูนบนผิวหนัง แต่ไม่มีหัวให้เห็นหรืออาจเห็นเป็นหัวสีขาว ซึ่งสิวหัวปิดนี้เป็นสิวที่ขึ้นใต้ผิวหนัง หากมีสิ่งกระตุ้นหรือติดเชื้อก็จะพัฒนาให้เกิดสิวอักเสบได้
- สิวหัวเปิด (Open Comedone) หรือที่เรียกกัยทั่วไปว่าสิวหัวดำ เป็นสิวที่โผล่พ้นขึ้นมาบนผิวหนังและเกิดการ oxidation กันอากาศ ทำให้สิวส่วนที่พ้นผิวหนังนี้กลายเป็นสีดำนั่นเอง สิวหัวดำนี้สามารถเห็นได้ง่าย และสามารถรักษาได้ง่ายกว่าสิวไม่มีหัวค่ะ
สิวอุดตันเป็นสิวที่สามารถรักษาได้ง่ายกว่าสิวประเภทอื่น ๆ แต่ไม่ใช่ว่าปล่อยไว้ไม่รักษาก็ได้ เพราะสิวอุดตันเหล่านี้หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา อาจพัฒนากลายเป็นสิวชนิดอื่น ๆ ที่ทำการรักษาได้ยากหรืออาจกลายเป็นหลุมสิว ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน กลายเป็นอีกปัญหาที่แก้ยากได้
-สิวผด (Acne aestivalis หรือ acne mallorca)
ในความจริงแล้วสิวผดไม่ใช่สิว เพราะไม่ได้เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน แต่สิวผดเป็นอาการแพ้บนผิวหนัง ผิวหนังอ่อนแอบอบบาง และมีการถูกกระตุ้นจากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด ไปกระตุ้นให้เกิดผดเล็ก ๆ บนใบหน้า การที่ต่อมเหงื่อบวมหรืออุดตันจากอากาศร้อน และเหงื่อไม่สามารถระบายออกได้ทันเกิดเป็นสิวผด
โดยสิวผดนี้จะคล้ายกับสิวอุดตันไม่มีหัว หรือหากผิวอักเสบสิวผดอาจเป็นรอยแดงคล้ายสิวอักเสบ แต่ไม่สามารถลดสิวผดด้วยวิธีเดียวกันกับสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ ทำได้เพียงบำรุงผิวเพื่อให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดอาการแพ้จากสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ เท่านั้น
–สิวหิน (Syringoma)
สิวหิน หรือสิวข้าวสาร ไม่ได้เกิดจากการอุดตันในรูขุมขน แต่เป็นเนื้องอกของท่อเหงื่อ ลักษณะสิวหินนี้จะเป็นตุ่มนูนสีเดียวกับผิวหนัง กดแล้วรู้สึกแข็ง ๆ และมักจะขึ้นบริเวณรอบดวงตา สิวหินหรือเนื้องอกนี้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่อาจมีผลเรื่องความสวยความงาม เพราะทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน การรักษาไม่สามารถรักษาด้วยการใช้ยาหรือกดสิวได้ ทำได้แค่การเลเซอร์ออกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
สิวที่มีการอักเสบ
สิวอักเสบเป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนและเกิดการอักเสบขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes ที่เป็นแบคทีเรียประจำถิ่นที่พบได้ตามผิวหนังมีการเพิ่มจำนวนมากเกินไปโดยสิวอักเสบยังสามารถแบ่งชนิดของสิวได้อีกหลายชนิดตามลักษณะสิวและความรุนแรงของสิวค่ะ
-สิวตุ่มแดง
สิวตุ่มแดงเป็นสิวอุดตันที่เกิดการอักเสบจนพัฒนามาเป็นสิวอักเสบ โดยสิวตุ่มแดงจะเป็นเพียงรอยแดง ยังไม่มีหนอง และยังไม่มีการอักเสบในผิวหนังชั้นใน เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ สิวอักเสบนี้ยังสามารถพัฒนาไปเป็นสิวหัวหนองได้หากมีการติดเชื้อมากขึ้นหรือหากมีการถูกกระตุ้น โดยสามารถรักษาได้ด้วยการทานยาฆ่าเชื้อ หรือใช้ยาทาภายนอก
-สิวหัวหนอง
สิวหัวหนองเกิดได้จากการที่สิวอุดตันเกิดการอักเสบมากเช่นเดียวกับสิวตุ่มแดง หรืออาจพัฒนามาจากสิวตุ่มแดงก็ได้ โดยสิวหัวหนองจะมีลักษณะคล้ายสิวตุ่มแดงคือมีการอักเสบ แดง แต่มีหนองสีขาวเหลืองอยู่ด้วย เมื่อสัมผัสโดนสิวหัวหนองจะรู้สึกเจ็บ โดยสามารถรักษาได้ด้วยการทานยาฆ่าเชื้อ หรือใช้ยาทาภายนอกเช่นเดียวกับสิวตุ่มแดง แต่หลังรักษาสิวชนิดนี้มักทำให้เกิดรอยสิวได้ง่าย
-สิวหัวช้าง
สิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบที่มีความรุนแรงขึ้นมาจากสิวตุ่มแดงและสิวหัวหนอง เนื่องจากมีการอักเสบรุนแรงถึงผิวหนังชั้นใน ลักษณะของสิวหัวช้างจะเป็นตุ่มนูนขนาดใหญ่ เมื่อหดหรือสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ เป็นไต หรือบางคนอาจเรียกว่าสิวไต และสิวหัวช้างเป็นสิวไม่มีหัวจึงทำการรักษาด้วยการกดสิวไม่ได้ รักษาได้ยากกว่าสิวตุ่มแดงและสิวหัวหนอง
การรักษาสิวหัวช้างทำได้ด้วยการทานยาฆ่าเชื้อร่วมกับทายาภายนอก และอาจใช้เลเซอร์เข้ามาร่วมกับการรักษาด้วย
-สิวติดสารหรือสิวสเตียรอยด์
สิวติดสาร หรือ สิวสเตียรอยด์ ไม่ใช่สิว แต่เป็นความผิดปกติของผิวหนังที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีสเตียรอยด์เป็นส่วนผสม โดยลักษณะของความผิดปกตินี้จะคล้ายกับสิวอักเสบ โดยการรักษาทำได้ด้วยการหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ และอาจร่วมกับการพบแพทย์เพื่อปรับการใช้สเตียรอยด์
-สิวซีสต์
สิวซีสต์ คือสิวอักเสบรุนแรง แต่ในปัจจุบันได้ยกเลิกการใช้คำเรียกอาการสิวอักเสบรุนแรงคือสิวซีสต์แล้ว เนื่องจากสิวอักเสบไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดซีสต์แต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีสิวที่เกิดจากฮอร์โมน สามารถอ่านบทความ สิวฮอร์โมน พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่หายได้ถ้ารักษาถูกวิธี อ่านเพิ่มเติม คลิกเลย!
บริเวณที่มักเกิดสิว
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าสิวมักเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมัน ดังนั้นสิวจึงเกิดได้ทุกที่ที่มีต่อมไขมัน แต่อย่างไรก็ตามเรามักพบว่าสิวตามใบหน้า และลำตัวช่วงบนค่อนข้างมาก
สิวที่คาง
บริเวณที่สิวขึ้นบ่อย ๆ จะขาดบริเวณนี้ไปไม่ได้นั่นก็คือบริเวณคางนั่นเองค่ะ เนื่องจากคางจะมีต่อมไขมันค่อนข้างมาก ในผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม เมื่อต่อมไขมันทำงานมากเกินไปทำให้เกิดการอุดตันได้นั่นเอง นอกจากนี้อาจเกิดจากปัจจัยภายนอกเช่น การรับประทานอาหารประเภทนม การสะสมสิ่งสกปรกจากการสัมผัสด้วยมือ หรือเท้าคาง การเสียดสีระหว่างคางกับหน้ากากอนามัย เป็นต้น
สิวที่หน้าผาก
อีกหนึ่งจุดที่สิวชอบขึ้นก็คือหน้าผากนั่นเอง เนื่องจากบริเวณหน้าผากก็มีการผลิตน้ำมันและไขมันออกมามากกว่าจุดอื่น ๆ ทำให้เกิดการอุดตันง่าย นอกจากนี้หน้าผากยังเป็นบริเวณที่เกิดการสะสมสิ่งสกปรกได้ง่ายมากจากการเหงื่อออก หรือสัมผัสกับผมหน้าม้า ใส่หมวก ก็ทำให้เกิดการสะสมสิ่งสกปรกได้มากขึ้นนั่นเอง
สิวที่จมูก
ที่จมูกก็มีต่อมไขมันอยู่ค่อนข้างมากทำให้เกิดสิวได้บ่อยเช่นเดียวกับที่คางและหน้าผาก และชนิดของสิวที่มักพบบริเวณจมูกคือสิวอุดตันหัวเปิด หรือสิวหัวดำนั่นเอง
- สิวที่แก้ม
สิวที่แก้มมักจะเกิดจากปัจจัยภายนอกอย่างการทำความสะอาดใบหน้าไม่ดี หรือจากการสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่สะอาดเช่น หมอน ผ้าห่ม โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
- สิวที่ปาก
สิวที่ปากมักเกิดจากปัจจัยภายนอกเช่นเดียวกับแก้ม และเป็นจุดที่ใช้รับประทานอาหาร หากไม่รักษาความสะอาดพอก็จะเกิดสิวได้ง่าย หรืออาจเกิดจากการแพ้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกสัมผัสบริเวณปาก เช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้านปาก เครื่องสำอาง เป็นต้น
สิวที่คอ
สิวที่คอมักเกิดจากการสะสมสิ่งสกปรกจากเหงื่อไคล นอกจากนี้หากผมยาวและปล่อยผม เมื่อเหงื่อออกผมก็จะไปปิดบริเวณคอ เกิดการอับชื้นและทำให้เกิดสิวขึ้นมา นอกจากนี้อาจเกิดจากการแพ้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่นยาสระผม ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผม เป็นต้น
สิวที่หลัง
สิวที่หลังเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการที่มีต่อมไขมันมาก หรือการผลัดเซลล์ผิดปกติ เซลล์ผิวที่ตายแล้วไปอุดตันในรูขุมขน การที่ติดเชื้อแบคทีเรีย รา ยีสต์ จากการอับชื้นใต้ร่มผ้า นอกจากนี้อาจเกิดจากฮอร์โมน หรือลักษณะกรรมพันธุ์ ก็สามารถก่อให้เกิดสิวได้ทั้งสิ้น
วิธีรักษาสิว
เป็นสิวรักษายังไงดี วิธีแก้สิว รักษาสิวที่หน้าและบริเวณอื่น ๆ มีอยู่หลากหลายวิธี หากเข้าพบแพทย์เพื่อรักษาสิว แพทย์จะพิจารณาถึงสาเหตุการเกิดสิว ลักษณะของสิวที่เกิด ระดับความรุนแรงของสิวเป็นสิวมากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้วางแผนการรักษาลดสิวให้เหมาะสม โดยอาจใช้วิธีการรักษาแบบควบคู่กันไป เพื่อให้การรักษาประสบความสำเร็จสูงสุดเมื่อหายจากสิวแล้วไม่ทิ้งรอยสิว หลุมสิว รอยดำจากสิว ให้รำคาญใจดังนี้
การรักษาด้วยยา
ยาที่ใช้รักษาสิวมีทั้งยาชนิดรับประทานและยาทาภายนอกเฉพาะที่ ส่วนมากแพทย์มักจ่ายยาให้ใช้แบบควบคู่กันไป ยาชนิดรับประทานมีอยู่หลายชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อ ยากลุ่มฮอร์โมน ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ โดยจะจ่ายยาตามลักษณะสิวที่เกิด หากเกิดการติดเชื้อก็จะจ่ายยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดอาการอักเสบและฆ่าเชื้อที่ก่อให้เกิดสิว หรือหากสิวที่เกิดจากฮอร์โมน อาจจ่ายยากลุ่มฮอร์โมนอย่างยาคุมกำเนิด หรือหากเกิดสิวอักเสบรุนแรง หรือเกิดการดื้อยาอาจจ่ายยากลุ่มอนุพันธุ์วิตามินเอ เป็นต้น
ยาทาภายนอกเฉพาะที่ก็ยังมีหลายชนิด ช่วยในเรื่องลดสิวอุดตัน ด้วยฤทธิ์ยาที่ซึมซาบเข้าสู่รูขุมขนและทำการผลักสิวอุดตันออกมา หรือฤทธิ์ยาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้สิวอุดตันสามารถโผล่ออกมาได้ง่ายขึ้น หรือยาทาบางตัวก็มีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวได้
การกดสิว
การกดสิวเป็นวิธีลดสิวที่นิยมใช้ ช่วยให้สิวอุดตันที่อยู่ในรูขุมขนออกมาเร็วขึ้น หากปล่อยสิวอุดตันเอาไว้ไม่รักษาอาจพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบได้ แต่การกดสิวนั้นไม่ใช่การรักษาสิวที่ให้ผลดี เพราะไม่ใช่การแก้ปัญหาจากสาเหตุการเกิดสิว นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดและข้อควรระวัง การกดสิวทำได้เฉพาะสิวอุดตันหัวเปิดหรือสิวหัวดำ หากกดสิวอุดตันไม่มีหัว อาจก่อให้เกิดการอักเสบและกลายเป็นสิวอักเสบตามมาด้วย และการกดสิวควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่สะอาด เนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
การเลเซอร์สิว
การรักษาสิวด้วยการเลเซอร์สิวเป็นการใช้แสงเลเซอร์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบริเวณที่เกิดสิว ทำให้การอักเสบลดลง ผลคือสิวยุบเร็ว รอยแดง รอยดำจากสิวจางลง และยังมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่าการใช้ยาอีกด้วย แต่จะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และข้อด้อยคือค่ารักษาแพงกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ
ปรึกษาแพทย์
ก่อนจะเริ่มรักษาสิวด้วยวิธีใด ๆ ควรเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา เนื่องจากอย่างที่ได้กล่าวไปว่าการรักษานั้นจะต้องดูที่สาเหตุของการเกิดสิว ลักษณะสิวที่เกิด และระดับความรุนแรงของสิว แพทย์เฉพาะทางจะสามารถดูปัจจัยเหล่านี้และเลือกถึงวิธีรักษาสิวที่เหมาะกับแต่ละคนได้ ส่งผลให้การรักษาประสบความสำเร็จ และให้ผลที่ดีในระยะยาวอีกด้วย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิว
1. สิวฮอร์โมน รักษาอย่างไร
สิวฮอร์โมนเกิดจากฮอร์โมนกลุ่ม androgen ที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกของเพศชาย ดังนั้นวิธีรักษาสิวฮอร์โมนจึงทำได้ด้วยการปรับฮอร์โมนนี้ ในเพศหญิงสามารถลดฮอร์โมนเพศชายนี้ลงด้วยการใช้ยาคุมกำเนิด ซึ่งจะมีฮอร์โมนเพศหญิง จึงทำให้การเกิดสิวฮอร์โมนลดลงนั่นเอง แต่ในเพศชายการไปลดฮอร์โมนเพศอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอื่น ๆ การรักษาสิวฮอร์โมนในเพศชายจึงใช้ยาฆ่าเชื้อและยาทาภายนอกเฉพาะที่เพื่อลดสิว และใช้การคุมความมัน และใช้การผลัดเซลล์ผิวเพื่อลดปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดสิวนั่นเอง
2. ผิวไม่แข็งแรง เป็นสิวง่าย ทำอย่างไรได้บ้าง
ผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบางแพ้ง่ายเป็นสิวง่ายควรระมัดระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้หากเกิดอาการแพ้ ผิวหนังจะอักเสบและก่อให้เกิดสิวได้ง่ายนั่นเอง สำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่ายเป็นสิวง่ายควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย ไม่มีสารเคมีอันตราย มีค่า pH ที่เหมาะสมกับสภาพผิวหนัง บางรายอาจจะต้องใช้ Toner เพื่อรักษาความสะอาด และหลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นด่าง และการขัดหน้าล้างหน้าบ่อย ๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวบอบบางลง
3. สิวเห่อเต็มหน้า จะแก้อย่างไร
หากพบว่าตนเองมีสิวเห่อเต็มหน้า ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อหาสาเหตุการเกิดสิว ลักษณะสิว และระดับความรุนแรงของสิว เพื่อวางแผนการรักษาสิวอย่างถูกวิธีและเหมาะสมกับสิวนั้น ๆ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา หรือรักษาผิดวิธี ก็จะทำให้สิวเห่อมากขึ้น หรือถึงสิวจะหายแล้วก็อาจทิ้งรอยแดง รอยดำจากสิว หรือหลุมสิวที่รักษาได้ยาก