ทำความรู้จักโทนเนอร์ (Toner)
โทนเนอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับทำความสะอาดใบหน้าประเภทหนึ่ง มักจะนำมาใช้ทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ยังหลงเหลือหลังจากการล้างหน้าด้วยโฟม โทนเนอร์จะมีคุณสมบัติช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมต่อการบำรุงสกินแคร์ และยังช่วยบำรุงผิวหน้าให้มีความชุ่มชื้นเต่งตึงมากขึ้นได้อีกด้วย โดยผู้ที่คิดว่าตนเองล้างหน้าได้สะอาดมากเพียงพอ โทนเนอร์ก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความสะอาดบนใบหน้ารวมถึงต้องการให้สกินแคร์ที่ใช้บำรุงหน้าได้ผลมากขึ้น โทนเนอร์ จะเป็นสิ่งที่ช่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดีนั้น จำเป็นต้องเรียนรู้สภาพผิวของตนเองก่อนว่าผิวของตนเองเหมาะกับโทนเนอร์แบบไหน
โทนเนอร์ Vs คลีนซิ่ง
หลายคนทราบว่าทั้งคลีนซิ่ง และ Toner คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าประเภทหนึ่ง แต่ก็คงสงสัยใช่ไหมคะว่าในเมื่อทั้งสองผลิตภัณฑ์สามารถทำความสะอาดได้เหมือนกัน แต่แล้วโทนเนอร์ กับ คลีนซิ่ง แตกต่างกันอย่างไร? อันที่จริงแล้วทั้งสองผลิตภัณฑ์จะมีความต่างในเรื่องของลำดับขั้นตอนการใช้งาน แล้วโทนเนอร์ ใช้ตอนไหน? คลีนซิ่ง ใช้ตอนไหนกันล่ะ?
“โทนเนอร์” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้หลังจากการทำความสะอาดใบหน้าด้วยโฟม เน้นด้านการบำรุงผิวและปรับสภาพผิวให้มีค่า ph พร้อมที่จะบำรุงผิวในขั้นตอนถัดไป
“คลีนซิ่ง” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดใบหน้าก่อนใช้โฟมล้างหน้า เน้นเรื่องทำความสะอาดเครื่องสำอางค์และสิ่งสกปรกบนใบหน้าก่อนที่จะทำความสะอาดด้วยโฟม
โทนเนอร์จำเป็นอย่างไร
โทนเนอร์จำเป็นไหม? แม้ก่อนหน้านี้จะกล่าวว่าโทนเนอร์ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต้องใช้สำหรับทำความสะอาดใบหน้า แต่ว่า Toner ก็มีส่วนช่วยทำให้สภาพผิวหน้าโดยรวมดีมากขึ้น ดังนี้
- ช่วยปรับค่า ph ผิวหน้าให้มีความสมดุล เป็นเหตุทำให้ผิวหน้าดูมีความชุ่มชื้น เปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น
- ช่วยทำให้สกินแคร์ซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังได้ดีมากยิ่งขึ้น ทำให้การใช้สกินแคร์ได้ผลลัพธ์ดีมากขึ้น
- ช่วยลดการเกิดสิว โดยโทนเนอร์แต่ละยี่ห้อจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นโทนเนอร์ยี่ห้อไหนดีที่ช่วยปรับสภาพผิวให้มีความมันน้อยลงนั้น จำเป็นต้องพิจารณาจากสภาพผิวหน้าเป็นหลัก
- ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างถึงรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูกระชับขึ้น
วิธีเลือกโทนเนอร์ให้เหมาะกับผิวเรา
เลือกโทนเนอร์ตามสภาพผิว
แม้หลาย ๆ คนจะแนะนำว่าโทนเนอร์ยี่ห้อนั้นดี ยี่ห้อนี้ดี แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โทนเนอร์ที่ใช้มีประสิทธิภาพได้ผลดีก็คือ สภาพผิว โดยแต่ละสภาพผิวจะเหมาะกับโทนเนอร์ดังต่อไปนี้
ผิวมัน – เป็นผิวที่มีลักษณะมัน อุดตันและเกิดสิวง่าย ดังนั้นจึงควรเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนช่วยในการขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขนและช่วยคุมความมันบนใบหน้า
ผิวแห้ง – เป็นผิวที่มีไม่มีความมันเกาะบนใบหน้า ทำให้ผิวแตก ลอก ทำให้รู้สึกระคายเคือง ดังนั้นโทนเนอร์ที่เหมาะสำหรับผิวประเภทนี้ควรมีส่วนช่วยทำให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้นมากขึ้น
ผิวผสม/ผิวปกติ – เป็นผิวที่สามารถเลือกใช้โทนเนอร์ได้ทุกประเภทแต่ควรเลี่ยงโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
ผิวแพ้ง่าย – ผิวประเภทนี้ควรใช้ผลิตภัณฑ์โทนเนอร์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นที่ปราศจากแอลกอฮอล์ หรือสารสร้างอาการระคายเคือง
เลือกโทนเนอร์ตามส่วนผสม
การเลือกใช้โทนเนอร์ตามส่วนผสมเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา โดยควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการระคายเคืองผิว เช่น ผิวแห้งที่ต้องเน้นเพิ่มความชุ่มชื้นควรใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของลาเวนเดอร์ ว่านหางจระเข้ หรือผิวมันที่ต้องการควบคุมความมันควรใช้สารสกัดจากทีทรีออยล์ กรดซาลิซิลิก และโทนเนอร์ผิวผสมหรือผิวธรรมดาสามารถเลือกได้ทุกประเภทเพียงแต่หลีกเลี่ยงโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เป็นต้น
Toner ที่ปราศจากแอลกอฮฮล์ สารกันบูด และสารก่อการระคายเคือง
โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี คงต้องตอบเลยว่า โทนเนอร์ที่ดีควรปราศจากแอลกอฮอล์ สารกันบูด(Paraben) รวมถึงสารก่อการระคายเคือง เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิว นอกจากนี้หากลองใช้โทนเนอร์แล้วเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองควรหยุดใช้ทันที
10 อันดับ โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2022
สำหรับใครที่กำลังลังเลว่า โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี ที่น่าใช้เพื่อทำความสะอาดใบหน้าและเตรียมผิวหน้าให้พร้อมรับกับสกินแคร์ ทางบทความจะมาแนะนำโทนเนอร์ 10 อันดับที่มากด้วยประสิทธิภาพในการใช้งานแต่ราคาน่ารัก ๆ
อันดับที่ 1 โทนเนอร์ Bioderma
โทนเนอร์ Bioderma จะช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่บนใบหน้าได้อย่างสะอาดหมดจด อีกทั้งยังช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับใบหน้าและปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงสกินแคร์ได้อย่างเต็มที่
BIODERMA SENSIBIO TONIQUE
เป็นโทนเนอร์ที่สามารถใช้ได้แม้ผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย โดยโทนเนอร์ตัวนี้จะช่วยปรับสภาพผิวให้สมดุลและเพิ่มความชุ่มชื้นก่อนลงสกินแคร์ด้วยสารสกัดจากแตงกวา มี Glycerine ที่ช่วยกักเก็บน้ำบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้าไม่แห้ง และยังทำให้ผิวแข็งแรงด้วยสารสกัดจากธรรมชาติด้วยสิทธิบัตร D.A.F Patent Natural Complex ขวดหนึ่งมี 250 ml ราคา 890 บาท
BIODERMA HYDRABIO TONIQUE
เป็นโทนเนอร์ที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งซึ่งต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยโทนเนอร์มี Glycerine และ Allantoin ที่ช่วยกักเก็บน้ำบนใบหน้าและปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน อีกทั้งยังมีสิทธิบัตรเฉพาะ AquageniumTM Patent ว่าด้วยการทำงานของระบบส่งผ่านน้ำระหว่างเซลล์ ช่วยลดการเสียน้ำในผิวได้ นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงผิวพร้อมรับสกินแคร์ใหม่ ๆ และทำให้ผิวหน้ามีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น ขวดหนึ่งมี 250 ml ราคา 890 บาท
อันดับที่ 2 Eucerin Pro Acne Solution Toner
เป็นโทนเนอร์ลดสิวอุดตันที่เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยน้ำโทนเนอร์สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อยู่บนใบหน้าได้อย่างล้ำลึก ทำให้หมดห่วงเรื่องปัญหาการอุดตัน และช่วยบำรุงผิวให้พร้อมก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงหน้าอื่น ๆ และผิวดูเรียบเนียนกระจ่างใสมากขึ้น
ขวดหนึ่งมี 200 ml ราคา 729 บาท
อันดับที่ 3 Anua Heartleaf Soothing Toner
เป็นโทนเนอร์ ลดสิวผด ที่แม้แต่ผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ โดยในโทนเนอร์จะมีส่วนประกอบของ Heartleaf ถึง 77% ซึ่งจะช่วยลดสิวอักเสบ สิวผด ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียน แข็งแรง และมีความชุ่มชื้นมากขึ้น
ขวดหนึ่งมี 250 ml ราคา 790 บาท
อันดับที่ 4 Neutrogena Alcohol Free Toner
เป็นโทนเนอร์ ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย หรือผิวมันก็สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปราศจากแอลกอฮอล์ทำให้ผิวไม่เกิดการระคายเคือง ช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น พร้อมเข้าสู่การบำรุงสกินแคร์อื่น ๆ อย่างอ่อนโยน
ขวดหนึ่งมี 150 ml ราคา 185 บาท
อันดับที่ 5 Olay Total Effects 7 in One Pore Minimizing Toner
เป็นโทนเนอร์กระชับรูขุมขนที่เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยนอกจากจะทำให้รูขุมขนกระชับมากขึ้นแล้วยังช่วยกำจัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส เรียบเนียนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมี Vitamin B3 Vitamin E และ Pro-vitamin B5 ช่วยลดริ้วรอย
ขวดหนึ่งมี 150 ml ราคา 529 บาท
อันดับที่ 6 Some By Mi AHA-BHA-PHA 30 Days Miracle Toner
เป็นโทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิวที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันและผิวแพ้ง่าย ด้วยส่วนผสมของ AHA BHA PHA จึงช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนและบนผิวหน้าได้อย่างดี อีกทั้งยังมีสารสกัดจากทีทรีที่ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขวดหนึ่งมี 150 ml. ราคา 480 บาท
อันดับที่ 7 Smooth E Acne Clear Whitening Toner
เป็นโทนเนอร์ ผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้อย่างวางใจ โดยมีสาร Sebacic Acid ช่วยควบคุมความมันและลดการเกิดสิวอักเสบ และยังมี Vitamin B3 & Vitamin E ช่วยทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสมากขึ้น
ขวดหนึ่งมี 150 ml. ราคา 295 บาท
อันดับที่ 8 Clean & Clear Essentials Oil- Control Toner
เป็นโทนเนอร์สำหรับคนเป็นสิวที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม โดยมี Salicylic Acid เป็นส่วนผสมทำให้แบคทีเรียบนใบหน้าลดลงจึงทำให้สิวลดลงตาม อีกทั้งยังเป็นโทนเนอร์ลดรอยสิวและลดการเกิดสิวขึ้นใหม่
ขวดหนึ่งมี 100 ml ราคา 99 บาท
อันดับที่ 9 Plantnery GREEN TEA CHAPTER TONER
เป็นโทนเนอร์ลดสิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมัน ผิวแพ้ง่าย โดยประกอบด้วยสารสกัดธรรมชาติจากTea Tree ที่ช่วยลดสิวและคอยปรับสภาพผิวให้รูขุมขนกระชับและเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
ขวดหนึ่งมี 250 ml. ราคา 129 บาท
อันดับที่ 10 Vichy Normaderm toner
เป็นโทนเนอร์สําหรับผิวมัน ผิวแพ้ง่าย ที่เน้นทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดหมดจด และยังช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าจึงเป็นเหตุช่วยลดปัญหาการเกิดสิว
ขวดหนึ่งมี 200 ml. ราคา 730 บาท
วิธีใช้โทนเนอร์ที่ถูกต้องเพื่อใบหน้าใสสะอาด
การใช้ Toner ด้วยวิธีที่ถูกต้อง จะทำให้ใบหน้าสะอาด ใส และสามารถลงสกินแคร์อื่น ๆ ให้ซึมซาบเข้าผิวได้อย่างดี โดยวิธีการใช้โทนเนอร์มีขั้นตอนดังนี้
- ทำความสะอาดใบหน้าให้เรียบร้อย และนำผ้ามาซับใบหน้าให้แห้งหมาด ๆ ก่อนใช้โทนเนอร์
- นำโทนเนอร์หยดใส่สำสีที่มีเนื้อสัมผัสแน่นและนุ่มให้ซึมทั่วแผ่น
- นำสำลีที่ชุ่มไปด้วยโทนเนอร์เช็ดหน้าอย่างอ่อนโยน ไม่ลงแรงถูหน้ามากจนเกินไป โดยเริ่มเช็ดจากล่างขึ้นบนเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้าง โดยการเช็ดวิธีนี้จะช่วยเปิดรูขุมขนให้รับการบำรุงจากสกินแคร์อื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หลังจากที่ทำความสะอาดใบหน้าเรียบร้อยแล้วสามารถลงสกินแคร์อื่น ๆ ลงใบหน้าได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้สําลีเช็ดโทนเนอร์ออก
โทนเนอร์ เติมน้ำให้ผิว เตรียมความพร้อมก่อนบำรุง
หลาย ๆ คนคงคิดว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด รวมถึงบำรุงผิวหน้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคลีนซิ่ง เซรั่ม หรือ โทนเนอร์ เป็นสิ่งของไว้สำหรับผู้หญิงใช้ แต่อันที่จริงแล้ว โทนเนอร์ ผู้ชายก็สามารถใช้ได้ โดยเป็นการใช้
เพื่อความสะอาดของใบหน้า และลดการอุดตันของรูขุมขนจึงทำให้โอกาสเกิดสิวลดลงตาม ซึ่งสำหรับใครที่กำลังลังเลว่าซื้อโทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี โทนเนอร์ bioderma จะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์สำหรับหลาย ๆ คน โดยสามารถเลือกสูตรที่เหมาะสมกับผิวหน้าของตนเอง และยังช่วยบำรุงใบหน้าให้พร้อมรับสารที่เป็นประโยชน์จากสกินแคร์อื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการลดสิว นอกจากจะใช้ Toner แล้วยังจำเป็นต้องดูแลและบำรุงผิวด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การทานผัก ผลไม้ รวมถึงดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม (8 แก้ว ต่อวัน) และควรพักผ่อนให้เพียงพอและพยายามไม่เครียดเพื่อไม่ให้สิวขึ้น และสุขภาพผิวก็จะแข็งแรงขึ้นด้วยเช่นกัน