ข้อควรรู้! ยาแก้ผมร่วง ได้ผลจริงหรือ? อันตรายไหม? ผมบางต้องอ่าน!

ยาแก้ผมร่วง

ยาแก้ผมร่วง เป็นทางเลือกที่หลายคนที่กำลังประสบปัญหาผมบางนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ พอ ๆ กันกับยาสระผมแก้ผมร่วง เนื่องจากเป็นยาที่ใช้รักษาอาการผมบางในระยะเริ่มต้นที่เห็นผลและหาใช้ได้ง่าย ในปัจจุบันเราจะเห็นการโฆษณาพวกวิตามินแก้ผมร่วง ยาแก้หัวล้าน ยากินแก้ผมร่วงมากมายที่สามารถหาซื้อทานเองได้อย่างง่ายดาย เช่น ในร้านค้าออนไลน์ ร้านขายยา หรือ ตามร้านวัตสัน

แต่ทราบหรือไม่ว่าหากเราใช้ยากินรักษาผมร่วงไม่ถูกวิธี หรือไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ เช่น ภาวะความดันโลหิตต่ำ, วิงเวียนศีรษะ, หน้ามืด และหากรับประทานในปริมาณที่สูงเกินไปอาจทำให้หมดสติได้ ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับยาแก้ผมร่วงกันว่ามีกี่ประเภท เหมาะกับใคร เลือกทานให้ปลอดภัยและได้ผลต้องทำอย่างไร

ยาแก้ผมร่วง มีอะไรบ้าง

ยาแก้ผมร่วงสำหรับผู้หญิง
รูปภาพใช้ประกอบบทความเท่านั้น

อาการผมบางกรรมพันธุ์สามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ มักพบได้ในผู้ชายมากกว่าในผู้หญิง ซึ่งสาเหตุของผมบางจากพันธุกรรมเกิดจากฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) เปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมน DHT ที่เป็นตัวการสำคัญทำให้เกิดอาการผมบาง ผมหลุดร่วงง่าย จนนำไปสู่ภาวะศีรษะล้านจากพันธุกรรมในที่สุด ซึ่งในปัจจุบันมียาแก้ผมร่วงในร้านขายยา ในท้องตลาด และในคลินิกรักษาอาการผมบาง ซึ่งได้รับการรับรองอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน ดังนี้

ยาไฟแนสเตอรายด์ (Finasteride)

ยาไฟแนสเตอรายด์ เป็น ยาแก้ผมร่วงผู้ชายเท่านั้น เป็นยาแก้ผมร่วงชนิดรับประทาน ซึ่งโดยปกติแล้วแพทย์แนะนำให้ทาน 1-1.25 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง และควรรับประทานต่อเนื่อง 6 เดือน แต่หากหยุดใช้ยาผมจะกลับมาร่วงได้อีกภายใน 12 เดือน

ยาไฟแนสเตอรายด์จะออกฤทธิ์ยับยั้งฮอร์โมน DTH อันเป็นสาเหตุของผมบาง ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมและกระตุ้นให้เส้นผมงอกใหม่ เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัย มีผลข้างเคียงน้อยที่อาจทำให้ความต้องการทางเพศรวมไปถึงการแข็งตัวของอวัยวะเพศลดลง และอาการเหล่านี้จะหายไปได้เมื่อหยุดใช้ยาหรือใช้ยาไปสักระยะหนึ่ง

ยาไมนอกซิดิวล์ (Minoxidil)

ยาไมนอกซิดิวล์ เป็นยาแก้ผมร่วงที่ได้รับการรับรองให้ใช้ในการรักษาผมบางกรรมพันธุ์ และโรคผมร่วงเป็นหย่อม มีทั้งชนิดยาทาและยารับประทาน เป็นยาแก้ผมร่วงสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ในชนิดยารับประทานแนะนำให้ทานวันละ 1 เม็ด (5 มิลลิกรัม) อาจทำให้มีผลข้างเคียง เช่น บวมบริเวณหน้า แขน ขา, หัวใจเต้นเร็ว, เวียนศีรษะ และผมร่วงได้ในระยะแรกที่ใช้ยา และเมื่อหยุดใช้ยาอาจทำให้อาการข้างเคียงลดลงและหายไป รวมไปถึงทำให้เส้นผมหยุดขึ้นใหม่

ส่วนยาชนิดทาภายนอกจะมีตัวยา 2% และ 5% ใช้ทาบริเวณที่มีอาการผมบางวันละ 2 ครั้ง โดยตัวยาไมนอกซิดิวล์จะออกฤทธิ์กระตุ้นการงอกของเส้นผม ชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม รวมไปถึงช่วยให้เส้นผมมีอายุขัยนานขึ้น อาจพบผลข้างเคียงเมื่อใช้ยาชนิดทา คือ หนังศีรษะแห้งคัน

ยาดูทาสเตอร์ไรด์ (Dutasteride)

ยาดูทาสเตอร์ไรด์ เป็นยาแก้ผมร่วงผู้ชายที่มีฤทธิ์คล้ายกับยาไฟแนสเตอรายด์ โดยจะไปลดฮอร์โมน DTH ที่เป็นตัวการทำให้ศีรษะล้าน แต่แตกต่างตรงที่ดูทาสเตอร์ไรด์ให้ประสิทธิภาพดีกว่าและลด DTH ได้ถึง 90% และเป็นยาแก้ผมบางที่มีผลข้างเคียงคล้ายกับยาไฟแนสเตอรายด์ เช่น ความต้องการทางเพศลดลง การแข็งตัวของอวัยวะเพศลดลง แต่อาการเหล่านี้จะลดลงและหายไปได้เองเมื่อหยุดใช้ยา

หากจะถามว่ายาแก้ผมร่วงยี่ห้อไหนดี หรือยาแก้ผมร่วงที่ดีที่สุดคือตัวไหน ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ยาแก้ผมร่วงแต่ละชนิดต่างก็สามารถแก้ปัญหาผมบางได้เหมือนกัน แต่ต่างกันที่ยาแต่ละชนิดนั้นเหมาะกับใคร เหมาะกับผู้หญิงหรือผู้ชาย และเหมาะกับสภาพผมแบบใด

ทั้งนี้การใช้ยาแก้ผมร่วงเป็นทางเลือกสำหรับใช้รักษาอาการผมร่วงในระยะเริ่มต้น หากมีอาการผมบางในระยะกลางหรือระยะรุนแรง การใช้ยาแก้ผมร่วงอาจจะไม่ได้ผล อาจต้องใช้วิธีปลูกผมถาวร เช่น ปลูกผม FUT และ ปลูกผม FUE หรือ เลเซอร์รักษาผมบาง Fotona Laser หรืออาจใช้การรักษาด้วยยาแก้ผมร่วงร่วมกับวิธีอื่น ๆ ทั้งนี้ควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการวิเคราะห์โครงสร้างเส้นผมอย่างละเอียด เพื่อหาวิธีแก้ไขที่ตรงจุดและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ยาแก้ผมร่วง ได้ผลจริงไหม

ยาแก้ผมร่วงที่ดีที่สุด

มาถึงประเด็นสำคัญที่หลายท่านอยากทราบว่า ยาแก้ผมร่วง ยากินแก้ผมร่วง ได้ผลจริงไหม ในความเป็นจริงแล้วการจะรักษาอาการผมบางด้วยวิธีใดก็แล้วแต่จะต้องคำนึงถึงความสอดคล้องและความเหมาะสม ระหว่างความรุนแรงของอาการและวิธีการรักษา ซึ่งยาแก้ผมร่วงจะใช้ได้ผลดีกับผู้ที่มีความรุนแรงของอาการผมบางในระยะเริ่มต้น มีเซลล์รากผมที่ไม่เสื่อมมาก และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมบางมากบริเวณด้านหน้า รวมไปถึงยากินรักษาผมร่วงและยาทารักษาผมร่วงให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร เมื่อหยุดใช้ยาอาการผมบางก็จะกลับมาอีก

ในบางกรณีที่มีการตอบสนองต่อยาค่อนข้างน้อย แพทย์อาจใช้วิธีรักษาด้วยยาแก้ผมร่วงร่วมกับการรักษาอื่น ๆ เช่น การทำเลเซอร์ Fotona Laser หรือ การฉีด PRP ผม เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการรักษาให้ดีขึ้น แต่ในบางรายที่มีเซลล์รากผมที่เสื่อมในระดับรุนแรง การใช้ยาแก้ผมร่วงอาจไม่ได้ผล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ใช้วิธีการปลูกผมถาวร FUT หรือ ปลูกผมถาวร FUE

การใช้ยารักษาผมร่วงร่วมกับการผ่าตัดปลูกผม

การใช้ยารักษาแก้ผมร่วงร่วมกับการปลูกผมถาวร รวมไปถึงการทำทรีทเมนต์อื่น ๆ เป็นวิธีที่แพทย์มักแนะนำให้กับคนไข้ เนื่องจากเป็นวิธีที่ช่วยส่งเสริมการรักษาให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ แพทย์จะต้องประเมินการตอบสนองต่อการใช้ยาของคนไข้เสียก่อน หากคนไข้มีแนวโน้มการใช้ยาไปในทางที่ดี มีผมขึ้นมาบ้าง ผมร่วงน้อยลงบ้าง ก็สามารถทำการผ่าตัดปลูกผมถาวรร่วมกับการใช้ยาแก้ผมร่วงได้ แต่หากคนไข้ไม่มีการตอบสนองต่อยา แพทย์อาจพิจารณาแนวทางการรักษาอื่น ๆ ต่อไป

ข้อดีของยาแก้ผมร่วง

  • ไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ไม่เจ็บตัว ไม่มีการฉีดสารใด ๆ เข้าสู่ร่างกาย แต่อาจมีผลข้างเคียงได้บ้าง
  • ให้ผลลัพธ์ในระยะยาว แต่ต้องอาศัยความอดทนรอผลลัพธ์ที่ชัดเจน 6 เดือนขึ้นไป
  • ไม่ต้องเสียเวลาในการพบแพทย์นาน สามารถรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งได้เองที่บ้าน
  • เมื่อรักษาผมบางด้วยยาแก้ผมร่วง ยากินแก้ผมร่วงไปประมาณ 6 เดือนและร่างกายตอบสนองต่อยาเป็นอย่างดี จะเริ่มสังเกตเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ผมหลุดร่วงน้อยลง ผมกลับมาหนาขึ้น

ข้อจำกัดของยาแก้ผมร่วง

ถึงแม้ว่าการใช้ยาแก้ผมร่วงจะให้ผลลัพธ์ที่ดี ราคาไม่สูง ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ยุ่งยากเพียงแค่ทานยาหรือทายา แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ คือ การใช้ยาแก้ผมร่วงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางในระยะที่รุนแรง มีเซลล์รากผมเสื่อมมากจนเส้นผมไม่สามารถงอกใหม่ได้ รวมไปถึงยังมีผลข้างเคียงจากการใช้ยาอีกด้วย

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

  • ยาที่มีฤทธิ์ต่อฮอร์โมน DTH อาจมีผลให้ความต้องการทางเพศและการแข็งตัวของอวัยวะเพศลดลง
  • การใช้ยากินรักษาผมร่วงไมนอกซิดิวล์ อาจมีผลทำให้หัวใจเต้นเร็ว มีอาการบวมที่ใบหน้า แขน ขา แต่เป็นอาการข้างเคียงที่พบได้น้อยมาก
  • การใช้ยาไมนอกซิดิวล์ อาจทำให้มีอาการผมร่วงได้ใน 3-4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้ปกติ
  • การใช้ยาทาไมนอกซิดิวล์ อาจทำให้หนังศีรษะเกิดอาการแห้งคันได้

ทั้งนี้การใช้ยาแก้ผมร่วงต้องอยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงที่ก่อให้เกิดอันตราย

ยาแก้ผมร่วง เหมาะกับใคร

  • ยาแก้ผมร่วง ยากินแก้ผมร่วงเหมาะกับผู้ที่มีภาวะผมบางกรรมพันธุ์ที่มีความรุนแรงในระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง แต่หากในกรณีที่มีภาวะศีรษะล้านจากพันธุกรรมในระยะรุนแรงมาก อาจไม่สามารถใช้ยาแก้ผมร่วงได้ และอาจเหมาะกับวิธีการปลูกผมถาวร
  • ผู้ที่มีอาการผมบาง ผมหลุดร่วงง่ายจากฮอร์โมนเพศ ที่ยังมีเซลล์รากผมที่แข็งแรงพอสมควรและสามารถงอกใหม่ได้
  • ผู้ทีมีอาการผมบางด้วยสาเหตุอื่น ๆ ในระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับปานกลาง

ใครที่ไม่ควรใช้ยาแก้ผมร่วง

  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านในระดับรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการใช้ยากินแก้ผมร่วง ยาทาแก้ผมร่วง
  • ผู้ที่มีเซลล์รากผมที่เสื่อมสภาพรุนแรง เส้นผมไม่สามารถงอกใหม่ได้
  • ผู้หญิงและหญิงตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยาแก้ผมร่วง
  • ผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดปลูกผมถาวร FUT และปลูกผม FUE หรือปลูกคิ้วถาวร ในช่วงเวลา 7 วัน

ผลลัพธ์ของของการใช้ยาแก้ผมร่วง

รีวิวยาแก้ผมร่วง
ขอบคุณรีวิวยาแก้ผมร่วงจาก Absolute Hair Clinic

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการรักษาผมบางด้วยยาแก้ผมร่วง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ซึ่งหลังจากใช้ยาแก้ผมร่วงประมาณ 6 เดือนจะเริ่มเห็นผล เส้นผมที่เคยหลุดร่วงง่าย ผมบาง จะกลับมามีสภาพผมดีขึ้น ผมงอกเพิ่มมากขึ้น และดูดกหนาขึ้น โดยจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนที่สุดประมาณ 1 ปี ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และผู้ที่สนใจรักษาผมบางด้วยยาแก้ผมร่วง ยากินรักษาผมร่วง และยาทารักษาผมร่วง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้ยา

ปรึกษาเรื่องการใช้ยาแก้ผมร่วง

ยากินแก้ผมร่วง

การใช้ยาแก้ผมร่วงเป็นวิธีแก้ไขผมบางที่ได้รับความนิยมและให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ยากินแก้ผมร่วงและยาทาภายนอกส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ จึงต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยา เพราะหากใช้ผิดประเภทหรือใช้ปริมาณยาที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดอันตรายได้

ที่ Absolute Hair Clinic มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยตรง ที่พร้อมให้คำปรึกษาและรักษาด้วยยาแก้ผมร่วง รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านด้วยวิธีทางการแพทย์อื่น ๆ อย่างครบครัน โดยคำนึงถึงผลลัพธ์และความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ

คำถามที่พบบ่อย

ยาแก้ผมร่วง ซื้อที่ไหน

ยาแก้ผมร่วง ยากินแก้ผมร่วง ยากินรักษาผมร่วงสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป, คลินิก หรือโรงพยาบาลที่รักษาอาการผมร่วง ซึ่งแนะนำให้ใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือเภสัชกรที่มีความรู้เรื่องการใช้ยา

ยาแก้ผมร่วง ราคาเท่าไหร่

ในปัจจุบัน ยาแก้ผมร่วงมีราคาตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพันบาท ทั้งนี้ควรเลือกใช้ยาแก้ผมร่วงภายใต้การดูแลเป็นพิเศษจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกร และเลือกซื้อตามร้านขายยา คลินิก หรือโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ แทนการซื้อในร้านออนไลน์ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้เลยว่ายาที่ขายในออนไลน์มีคุณภาพและมีความปลอดภัยหรือไม่

ข้อสรุป ‘ยาแก้ผมร่วง’

การใช้ยาแก้ผมร่วง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาอาการผมบางในระยะเริ่มต้นที่ให้ผลลัพธ์ดี เห็นผลจริง ไม่ต้องผ่าตัด ราคาไม่สูง แต่ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยตรงก่อนใช้ยา เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้

Thank you for your Vote Rating
[Total: 0 Average: 0]