ฟิลเลอร์ Juvederm เติมเต็มผิวเรียบเนียน ยกกระชับ เหมาะกับทุกสภาพผิวและทุกปัญหา

ฟิลเลอร์ Juvederm

อายุเข้าใกล้เลข 3 หลายคนเจอกับปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ความหย่อนคล้อยบนใบหน้า ซึ่งเกิดจากการที่คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพลง สร้างความกังวลใจและรู้สึกไม่มั่นใจทุกครั้งเวลาที่ส่องกระจกหรือต้องพบปะผู้คน 

ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ครับ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก ยกกระชับ ปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน และดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติครับ โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่คลินิกเสริมความงามชั้นนำนิยมเลือกใช้ คือ ฟิลเลอร์ Juvederm ของอเมริกา ซึ่งมีอยู่หลายรุ่นด้วยกัน จะเลือกรุ่นไหนเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ตรงจุด ฉีดบริเวณไหนให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ติดตามทุกคำถามเกี่ยวกับฟิลเลอร์ Juvederm ได้ในบทความนี้ครับ   

ทำความรู้จักฟิลเลอร์ Juvederm

ฟิลเลอร์ Juvederm (จูวีเดิม) เป็นฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา นำเข้าโดยบริษัท Allergan Thailand (DSKH) ผ่านการรับรองจาก อย. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยครับ 

ด้วยเทคโนโลยี Hylacross และ Vycross ของฟิลเลอร์ Juvederm ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Allergan ทำให้ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นนั้นมีคุณสมบัติที่หลากหลาย เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวและทุกปัญหา 

• เทคโนโลยี Hylacross เป็นเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของค่าความอุ้มน้ำได้ดี ทำให้ตัวฟิลเลอร์มีความฟู เนื้อละเอียด เรียบเนียน ทนต่อการขยับ มีความยืดหยุ่นสูง แต่ในการยึดเกาะยังทำได้ไม่เท่ารุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้เทคโนโลยี VYCROSS  เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณ ร่องแก้ม แก้มตอบ ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นที่ใช้เทคโนโลยี Hylacross ได้แก่ รุ่น Ultra Plus
• เทคโนโลยี Vycross เป็นเทคโนโลยีที่เด่นในเรื่องของการยกระชับ เพราะมีโมเลกุลยึดเกาะที่หนาแน่น แต่ถ้าเทียบกับตัวอื่น ๆ แล้ว Vycross จะมีอัตราการบวมน้ำหรืออุ้มน้ำน้อยกว่า แต่หลังฉีดยังคงให้ความเป็นธรรมชาติ ดูเรียบเนียนไม่เป็นก้อน เหมาะสำหรับฉีดเพื่อเติมความอวบอิ่มของริมฝีปาก หรือฉีดเพื่อเติมเต็มร่องแก้ม ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นที่ใช้เทคโนโลยี Vycross ได้แก่  Volite, Voluma, Volift และ Volbella

ฟิลเลอร์ Juvederm แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร 

ปัจจุบันฟิลเลอร์ Juvederm ได้รับอนุญาตจาก อย. สำหรับฉีดรักษาได้ถูกต้องในไทย โดยรุ่นที่นิยมมีดังนี้

ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Ultra Plus มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและฟูมาก ทำให้เต็มสวย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องลึกต่างๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามวัย ต้องการปรับรูปหน้า นิยมใช้เติมร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก 

• เหมาะฉีดขมับ ร่องแก้ม 
• อยู่ได้นาน 12 เดือน

ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Voluma เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งและฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการเติมใต้ตา ร่องแก้ม และสามารถเติมคางและขมับได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

• เหมาะฉีดใต้ตา คาง ขมับ ร่องแก้ม 
• อยู่ได้นาน 18 เดือน

ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Volift มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ที่มีความละเอียดมากกว่ารุ่น Ultraplus เหมาะกับคนผิวบาง  ฉีดบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปากไม่ลึกมากและเก็บรายละเอียดร่องแก้มชั้นตื้นได้  

• เหมาะฉีดปาก แก้มตอบ มุมปาก ร่องแก้ม หว่างคิ้ว 
• อยู่ได้นาน 12 เดือน 

ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Volbella เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ที่มีความละเอียดมากที่สุด เหมาะกับการเติมหน้าผากได้ธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน 

• เหมาะฉีดหน้าผาก 
• อยู่ได้นาน 12 เดือน

ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Volite เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียดใช้ฉีดใต้ตา ผิวชั้นตื้น บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป

• เหมาะฉีดใต้ตา 
• อยู่ได้นาน 8-12 เดือน

ใครเหมาะกับรุ่นไหน แพทย์จะผู้ประเมินใช้ตามความเหมาะสมในแต่ละสภาพปัญหาของคนไข้ครับ

ฟิลเลอร์ Juvederm มีส่วนผสมของ Lidocain ดีอย่างไร

ฟิลเลอร์ Juvederm ที่มีส่วนผสมของ Lidocaine หรือที่เรียกกันว่ายาชา คือรุ่น Ultra Plus และ Volift สังเกตได้ที่ข้างกล่องที่จะเขียนว่า With Lidocain 

ข้อดี คือช่วยลดความเจ็บปวด และจะรู้สึกสบายขณะฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ผิวหนัง โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ระงับประสาทรับความรู้สึก ส่งผลให้ผิวหนังหรือเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวไร้ความรู้สึก ลดความกังวลในเคสที่กลัวเข็ม กลัวเจ็บครับ   

แต่สำหรับคนไข้ที่มีประวัติแพ้ยาชาหรือยาชนิดอื่น หมอแนะนำว่าควรแจ้งให้หมอทราบก่อนครับ เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

ในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์รุ่นที่ไม่มีส่วนผสมของยาชา สามารถแจ้งเพื่อขอแปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ได้ และแพทย์จะฉีดยาชาในจุดนั้น ๆ ให้ด้วยครับ

ฟิลเลอร์ Juvederm เหมาะกับบริเวณไหน

• ฟิลเลอร์ขมับ : แก้ปัญหาขมับยุบ ขมับตอบ เสริมโหวงเฮ้ง 
• ฟิลเลอร์ใต้ตา : แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ริ้วรอยรอบดวงตา ตาลึก ตาโหล  
• ฟิลเลอร์แก้มตอบ : แก้ปัญหาแก้มเป็นแอ่งยุบ ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส
• ฟิลเลอร์ร่องแก้ม :  แก้ปัญหาร่องแก้มลึก ดูแก่กว่าวัย ดูไม่สดใส 
• ฟิลเลอร์ปาก : แก้ปัญหาปากแห้ง แตก เป็นร่อง เติมให้อวบอิ่ม รูปปากเป็นทรงสวย 
• ฟิลเลอร์คาง : ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย แก้ปัญหาคางยุบ คางบุ๋ม และช่วยปรับโหงวเฮ้ง

ฟิลเลอร์ Juvederm ใช้กี่ cc

ในการฉีดฟิลเลอร์ แต่ละจุดต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ cc หมอจะประเมินจากความลึกของปัญหา ความต้องการของคนไข้ และแนะนำปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมให้ครับ  

ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเท่าไหร่ 

ฟิลเลอร์ juvederm ราคาเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก โดยส่วนใหญ่จะราคาใกล้เคียงกันครับ 

• ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Ultra Plus ราคา 9,900 บาท / 1 CC
• ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Voluma ราคา 13,000 บาท / 1 CC
• ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Volift ราคา 13,000 บาท / 1 CC
• ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Volbella ราคา 13,000 บาท / 1 CC
• ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Volite ราคา 13,000 บาท / 1 CC

ข้อควรระวัง ไม่ควรเลือกคลินิกที่ทำราคาถูกมาก ๆ เพราะอาจเสี่ยงเจอฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ผลที่ตามมาคือฟิลเลอร์สลายเร็วไปจากเดิม หรือเจอฟิลเลอร์ปลอม ทำให้เกิดการบิดเบี้ยว เอียง ยุบตัวได้ ซึ่งฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ ต้องขูดออกหรือผ่าตัดเท่านั้น ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้งควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกครับ  

ฟิลเลอร์ Juvederm แท้-ปลอม ดูอย่างไร

ในเบื้องต้นสามารถตรวจสอบได้จากจุดสังเกตฟิลเลอร์ Juvederm แท้ ดังนี้ครับ 

• มีเลขทะเบียน อย. และเอกสารภาษาไทยกำกับ
• มีเลข lot ตรงกันทั้ง 4 จุด ที่ข้างกล่อง หลอด ซอง และสติ๊กเกอร์
• มีเบอร์โทร สามารถโทรเช็คเลข lot. กับบริษัทจัดส่งได้

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ควรศึกษาข้อมูลก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง และควรให้แพทย์แกะกล่อง แกะหลอดฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้าก่อนฉีด เพื่อความมั่นใจว่าเป็นการฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นของแท้จริง ๆ และได้มาตรฐานครับ 

 ฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ที่ไหนดี

เลือกคลินิกเสริมความงาม ฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ควรดูจากความน่าเชื่อถือและมาตรฐานของคลินิกเป็นหลัก ซึ่งสามารถพิจารณาได้จากปัจจัยในด้านต่าง ๆ ได้แก่

1. คลินิกได้มาตรฐานตามกระทรวงสาธารณสุข ดูได้จากการมีป้ายชื่อสถานพยาบาล เลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก และแสดงใบอนุญาตอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้บริการสังเกตได้ง่าย
2. แพทย์มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์และปรับรูปหน้า 5-10 ปี ซึ่งจะช่วยประเมินและแก้ไขปัญหาของคนไข้ได้อย่างตรงจุด และปลอดภัย สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาตถูกต้องจากแพทยสภาได้ ที่นี่ 
3. ใช้ฟิลเลอร์แท้ มีการนำเข้าและเก็บรักษาอย่างถูกต้อง ตรวจสอบได้ทุกกล่อง ผ่านการรับรองจาก อย. 
4. มีการติดตามผลหลังทำหัตถการ และมีช่องทางติดต่อที่สะดวก เช่น มี Line@ Facebook หรือเบอร์โทรศัพท์ เพื่อสอบถามและปรึกษากับแพทย์ที่ดูแลเคสได้โดยตรง
5. มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง จากแหล่งที่เป็นกลาง ทั้งภาพนิ่งก่อน-หลัง และคลิป VDO ซึ่งจะเห็นผลการรักษาจริงที่ชัดเจนมากกว่า และเห็นความชำนาญของแพทย์ขณะที่กำลังทำหัตถการ 

สำหรับใครที่อยากฉีดฟิลเลอร์แต่กลัวเข็ม กลัวเจ็บ ไม่ต้องกังวลครับ เพราะฟิลเลอร์ Juvederm มีรุ่นที่ผสมยาชา หรือถ้าฉีดฟิลเลอร์รุ่นที่ไม่มีส่วนผสมของยาชา ก็สามารถแจ้งเพื่อขอแปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ และฉีดยาชาได้ครับ หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีประมาณ 70-80% และผลลัพธ์จะเริ่มชัดเจนใน 2-3 สัปดาห์ เป็นหัตถการที่เจ็บน้อย สวยนานและคุ้มค่าคุ้มราคาครับ  

• Facebook
• Twitter
• Line