การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ในปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น หลาย ๆ เคสที่มาใช้บริการที่คลินิกเสริมความงาม ถึงแม้ว่าจะมาด้วยปัญหาบนใบหน้าที่แตกต่างกัน แต่หลาย ๆ ปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยฟิลเลอร์ครับ
วันนี้หมอจะมาอธิบายเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า HA ที่จะทำหน้าที่ทดแทนคอลลาเจน สร้างความแข็งแรงให้ผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่น ลดรอยเหี่ยวย่น ร่องลึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามวัย ปรับรูปหน้าให้สวยอย่างเป็นธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์ ดีอย่างไร?
- ฉีดฟิลเลอร์ช่วยชะลอวัย หลังฉีดเห็นผลทันที และไม่ต้องพักฟื้น
- ฉีดฟิลเลอร์ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่มีรอยแผลเป็น
- ฉีดฟิลเลอร์ให้ผลแม่นยำ สวยเป็นธรรมชาติกว่าการเติมเต็มด้วยวิธีอื่น ๆ
การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีที่ปลอดภัย และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางครับ แต่จะต้องเป็นฟิลเลอร์แท้ซึ่งผ่านการรับรองจาก อย. มีความปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ และไม่มีสารตกค้างในร่างกาย สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์จุดไหน? แก้ปัญหาอะไร?
ฟิลเลอร์สามารถเต็มเต็มได้หลายจุดครับ เหมาะกับตำแหน่งที่ต้องการความละเอียดสูงอย่างใบหน้าทั้ง 7 จุด คือ บริเวณหน้าผาก ขมับ ใต้ตา ร่องแก้ม จมูก ปาก และคาง มาดูกับครับว่าแต่ละจุดเหล่านี้มีปัญหาอะไร และฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
ฟิลเลอร์หน้าผาก
ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น คือ ร่องหน้าผากบริเวณเหนือคิ้วจะยุบตัวลง รูปหน้าไม่ได้สัดส่วน ทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะช่วยเติมเต็มร่องลึก หรือถ้าต้องการปรับทรงหน้าผากให้โหนกนูน ปรับโหงวเฮ้งก็สามารถทำได้อย่างเป็นธรรมชาติครับ
โดยฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากมากสุด ต้องมีเนื้อเนียนละเอียด ไม่เป็นก้อน ซึ่งตัวที่หมอแนะนำคือฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm รุ่น Volbella ครับ เพราะเนื้อเนียนละเอียดไม่เป็นก้อนและมียาชาผสมในเนื้อฟิลเลอร์ จะให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดย 1 cc ราคา 13,000 บาท
- Juvederm Volbella (จากอเมริกา) อยู่ได้นาน 12 เดือน
ฟิลเลอร์ขมับ
ขมับเป็นส่วนแรก ๆ ของใบหน้าที่แสดงสัญญาณบ่งบอกอายุ หลาย ๆ เคสที่มาพบหมอที่คลินิกเสริมความงาม มักจะมาด้วยปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ ที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้โหนกแก้มเด่น ใบหน้าดูแข็ง ไม่อ่อนหวาน ดูแก่กว่าวัย และการที่โหนกแก้มเด่น จะทำให้หน้าเป็นทรงสี่เหลี่ยม ไม่เรียวกระชับ ในบางเคสก็อาจมีริ้วรอยตีนกาในบริเวณนี้ร่วมด้วย
การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มขมับ ปรับรูปหน้า สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ โดยหมอจะเลือกฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก โดยใช้ฟิลเลอร์ตัวที่อยู่ได้นานที่สุด สำหรับใช้ในการเติมขมับชั้นลึก เพราะมีเนื้อฟู ทนต่อแรงขยับได้ดีมาก ราคา 1 cc จะอยู่ที่ 9,900-13,000 บาท ยี่ห้อที่หมอแนะนำ คือ
- Juvederm Ultra Plus (จากอเมริกา) อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm voluma (จากอเมริกา) อยู่ได้นาน 18 เดือน
ฟิลเลอร์ใต้ตา
ปัญหาริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกา ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย และเบ้าตาลึก ตาโหล พบได้เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เกิดจากผิวหนังหย่อนคล้อย และการยุบตัวลงของกระดูกใต้ตา ทำให้หน้าดูอ่อนล้า โทรม ไม่สดใส และแก่กว่าวัย
เนื่องจากใต้ตาเป็นจุดที่สังเกตเห็นได้ง่ายบนใบหน้า ดังนั้นจึงเป็นตำแหน่งแรกที่หมอแนะนำควรเติม โดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการแก้ปัญหาใต้ตาที่ตรงจุดที่สุด ทั้งริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ขอบตาดำ หลังฉีดเห็นผลทันที เป็นหัตถการที่ไม่มีแผลและมีความเป็นธรรมชาติมาก ช่วยให้หน้าเด็กลง ผิวชุ่มชื้น ดูสดใสขึ้น
สำหรับฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา ควรเป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีความเป็นธรรมชาติ เพราะผิวหนังใต้ตาค่อนข้างบาง ถ้าใช้ฟิลเลอร์ที่ฉีดแล้วผิวฟูมากเกินไป จะทำให้ตาบวม ดูไม่เป็นธรรมชาติครับ หมอแนะนำเป็นยี่ห้อที่ได้มาตรฐานและเหมาะกับการฉีดใต้ตา ราคา 1 cc อยู่ที่ 11,000-13,000 บาท
- Restylane Perlane Lyft (จากสวีเดน) อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Defyne (จากสวีเดน) อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Vital Light (จากสวีเดน) อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Juvederm Volite (จากอเมริกา) อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Juvederm Voluma (จากอเมริกา) อยู่ได้นาน 18 เดือน
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
อายุขึ้นเลข 3 ใบหน้ามีปัญหาความหย่อนคล้อย ยุบตัว โดยเฉพาะกระดูกบริเวณร่องแก้ม เกิดเป็นร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมาก ทำให้หน้าดูเหนื่อย ดูโทรม ไม่สดใสและดูแก่กว่าวัย ซึ่งเป็นจุดที่เห็นชัดจนบนใบหน้าครับ
ปัญหาร่องแก้มลึก เกิดได้จากหลายสาเหตุ หลัก ๆ เกิดจากคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวลดลงและเสื่อมสภาพ เกิดการยุบตัวของกระดูกหรือผิวหย่อนคล้อย เนื้อบริเวณร่องแก้มเป็นก้อน ทำให้มองเห็นร่องแก้มลึก นอกจากนี้ในคนที่ขยับกล้ามเนื้อใบหน้าบ่อย ๆ เช่น การยิ้ม ก็ทำให้เกิดริ้วรอยได้เช่นกันครับ
การเลือกใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพื่อเเติมเต็ม ต้องเลือกให้เหมาะกับสาเหตุและบริเวณที่ต้องการจะฉีดครับ ควรเป็นฟิลเลอร์เนื้ออ่อน ทนต่อการขยับได้ดี เนื่องจากผิวชั้นบนบริเวณร่องแก้มแห้งและบางมาก ฟิลเลอร์เนื้ออ่อนจะกระจายตัวและเรียบเนียนไปกับผิวได้เป็นธรรมชาติที่สุดครับ หมอแนะนำเป็นยี่ห้อ Juvederm ทั้ง 3 รุ่น ราคา 1 cc เริ่มต้น 9,900 บาทครับ
- Juvederm ultra plus (จากอเมริกา) อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm voluma (จากอเมริกา) อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volift (จากอเมริกา) อยู่ได้นาน 18 เดือน
ฟิลเลอร์จมูก
ฉีดฟิลเลอร์จมูก เพื่อเสริมจมูก เหมาะกับคนที่มีฐานจมูกเดิมอยู่แล้ว และไม่อยากให้หน้าเปลี่ยนไปมาก ซึ่งข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์จมูก คือ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ช้ำ เหมาะสำหรับคนที่กลัวการผ่าตัดหรือไม่ค่อยมีเวลา อยากได้สันจมูกที่คมขึ้น สูงขึ้น แต่ถ้าไม่มีฐานจมูกเลย หมอแนะนำให้ผ่าตัดเสริมครับ เพราะฟิลเลอร์ไม่สามารถตั้งเป็นสันคมได้สูงเท่ากับแท่งซิลิโคน
โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อที่หมอแนะนำสำหรับการฉีดจมูก คือ ยี่ห้อ Restylane Perlane Lyft (จากสวีเดน) เพราะมีความคงตัวสูง ไม่ฟูและสามารถคงรูปได้ดีที่สุด อยู่ได้นาน 12 เดือน 1 cc ราคา 13,000 บาท
ฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถแก้ไขปัญหาริมฝีปากแห่ง ให้ชุ่มชื้น ปรับรูปปากให้อวบอิ่ม เต็ม ฟู หรือเซ็กซี่ ทั้งทรงปากเกาหลี ทรงปากสายฝอ และทรงปากกระจับได้อย่างเป็นธรรมชาติ
โดยก่อนที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ปาก หมอจะทำการประเมินและวิเคราะห์สัดส่วนบนใบหน้า เพื่อดูว่าทรงปากที่เลือกนั้นเหมาะสมได้สัดส่วนกับรูปหน้าหรือไม่ ในกรณีที่ทรงปากที่เลือกไม่เหมาะกับรูปหน้า หมอจะแนะนำรูปทรงปากที่เหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาสวยและดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดครับ
ปากกระจับ ทรงสวยเป็นธรรมชาติ
- Juvederm volift (จากอเมริกา) อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane volyme (จากสวีเดน) อยู่ได้นาน 18 เดือน
ปากอวบอิ่ม สายฝอ
- Juvederm ultraplus (จากอเมริกา) อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm voluma (จากอเมริกา) อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
ปากชุ่มชื้น/กลบร่องปาก
- Restylane vital light (จากสวีเดน) อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
- Juvederm volite (จากอเมริกา) อยู่ได้นานถึง 6-8 เดือน
ฟิลเลอร์คาง
หน้ากลม คางสั้น คางต้ด คางถอย คางบุ๋ม ดูไม่สมส่วนตาม Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ ที่กำหนดความสวยความที่สมบูรณ์แบบบนใบหน้าโดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนบน ส่วนกลาง และส่วนล่าง ในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 1 : 1 : 1 โดยคางซึ่งเป็นส่วนล่างของใบหน้า หรือ Lower Face จะเริ่มตั้งแต่ปลายจมูกถึงปลายคาง
ในเคสที่ Lower Face ไม่ได้สัดส่วน อยากเสริมคาง ปรับรูปหน้าเรียว ให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น แต่ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากเจ็บตัว การฉีดฟิลเลอร์คางสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ครับ โดยเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด สามารถปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นได้จริง
การเลือกใช้ฟิลเลอร์คาง ต้องใช้ฟิลเลอร์แท้ที่มีความคงตัวสูง เนื้อแน่น ไม่ฟู เพื่อให้ปั้นเป็นทรงได้สวยเป็นธรรมชาติ โดยยี่ห้อฟิลเลอร์คางที่นิยมและมีความปลอดภัย อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน หมอแนะนำเป็น 3 ยี่ห้อนี้ครับ ซึ่งราคา1 cc จะอยู่ที่ 9,900-13,000 บาท
- Perfectha Subskin (จากฝรั่งเศส) อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Perlane lyft (จากสวีเดน) อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Voluma (จากอเมริกา) อยู่ได้นาน 18 เดือน
ทั้งหมดนี้เป็น 7 จุดบนใบหน้าที่มักเกิดปัญหาเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น สำหรับใครที่มีปัญหาหน้าผาก ใต้ตา ขมับ ร่องแก้ม จมูก ปาก และคาง ไม่ว่าจะเป็น ผิวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น ริ้วรอยเหี่ยวย่น ร่องลึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามวัย ฟิลเลอร์สามารถแก้ไขปัญหาและปรับรูปหน้าให้สวยอย่างเป็นธรรมชาติ
แต่เพราะแต่ละจุดบนใบหน้ามีสภาพผิวที่แตกต่างกัน การเลือกฟิลลเลอร์ยี่ห้อไหน ใช้กี่ cc หรือใช้เทคนิคพิเศษที่มีความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ คุณหมอที่มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้าอย่างน้อย 5-10 ปีเท่านั้นที่จะบอกได้ครับ